(เพิ่มเติม) RATCH เตรียมเงินลงทุน 1.8หมื่นลบ.ในปีนี้,หวังซื้อเหมืองถ่านหินในอินโดฯ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 15, 2011 12:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายนพพล มิลินทางกูร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง(RATCH)เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมงบลงทุนสำหรับปี 54 วงเงิน 1.8 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นการเข้าซื้อกิจการในต่างประเทศ 1-2 โครงการ ลงทุนในโครงการ VSPP และ SPP รวม 4 โครงการ และเป็นพลังงานทดแทน 10 โครงการ คาดว่าจะทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้ารวมของบริษัทเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มี กำลังการผลิต 5.5 พันเมกะวัตต์ ซึ่งขณะนี้สามารถผลิตเชิงพาณิชย์ 4.5 พันเมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการอีก 1 พันเมกะวัตต์

สำหรับโครงการน้ำงึม 2 บริษัทคาดว่าจะเดินเครื่องเชิงพาณิชน์ในไตรมาส 1/54 และจะสร้างรายได้ในปี 54 ประมาณ 700 ล้านบาท

นายนพพล กล่าวต่อว่า บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาลงทุนเหมืองถ่านหินโดยตรง โดยไม่จำเป็นต้องมีโรงไฟฟ้าเป็นองค์ประกอบ เพื่อใช้ผลผลิตถ่านหินป้อนเป็นวัตถุดิบให้กับธุรกิจโรงไฟฟ้าของบริษัทที่อินโดนีเซียและออสเตรเลีย ซึ่งบริษัทหวังว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ นอกเหนือจากแผนการเช้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ คาดว่าจะใช้เงินเข้าซื้อกิจการประมาณ 1 หมื่นล้านบาท จากงบลงทุนทั้งหมดในปีนี้ที่ตั้งไว้ 1.8 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ตาม หากมีการลงทุนเพิ่มเติมจากแผนงานที่วางไว้ บริษีทก็มีความพร้อมทางด้านการเงิน โดยมีเงินสดประมาณ 1 หมื่นล้านบาท และมีวงเงินหุ้นกู้ที่ขออนุมัติผู้ถือหุ้นไว้อีก 7.5 พันล้านบาท รวมทั้งมีวงเงินที่สามารถเบิกเงินกู้จากสถาบันการเงินประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ทำให้บริษัทไม่มีความกังวลเรื่องเงินทุนแต่อย่างใด

นายนพพล กล่าวว่า RATCH มีเป้าหมายจะเป็นผู้นำในการผลิตไฟฟ้าในภูมิภาคนี้ โดยได้ศึกษาโครงการการลงทุนโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่ในลาว อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และ ออสเตรเลีย

ส่วนในประเทศนั้น บริษัทเข้าร่วมโครงการประมูลโรงไฟฟ้า SPP รอบใหม่ ซึ่งบริษัทได้รับอนุมัติ 3 โครงการ กำลังการผลิตรวม 400 เมกะวัตต์ ส่วนผลการประมูลโรงไฟฟ้า SPP ในรอบสองจะประกาศเร็วๆนี้ โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)จะพิจารณาจากเอกสารของผู่ประมูลรายเดิมที่ได้ยื่นไว้ในรอบแรก หากบริษัทได้รับคัดเลือกในรอบสองเพิ่มเติมอีก ก็ถือว่าเป็นโบนัส

"ปีนี้ เราจะมีรายได้จากน้ำงึม 2 เพิ่มเข้ามา และมีรายได้จากเมกะวัตต์ที่เพิ่มขึ้น แต่ภาพรวมก็ไม่สามารถระบุได้ว่ารายได้กำไรจะเติบโตขึ้นหรือไม่ เพราะต้องขึ้นอยุ่กับอัตราการพร้อมจ่ายไฟฟ้า และคำสั่งให้มีการผลิตไฟฟ้าจากกฟผ.ด้วย" นายนพพล กล่าว

อนึ่ง ในปี 53 บริษัทมีกำไรสุทธิ 5,220.41 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า 22.54% เพราะสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากำหนดให้อัตราค่าความพร้อมจ่ายต่ำกว่าปี 52 ทำให้รายได้จากการขาย (ไม่รวมรายได้ค่าพลังงานไฟฟ้า) ปี 53 (10,844.45 ล้านบาท) ลดลงจากปี 52 จำนวน 1,420.43 ล้านบาท เช่นเดียวกับส่วนแบ่งกำไรจากกิจการร่วมค้าปี 53 (1,443.13 ล้านบาท) ที่ลดลงจากปีก่อนหน้า 277.58 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ