นายบันฑิต โชติวรรณพร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไทย แคปปิตอล คอร์ปอเรชั่น (TCC) เปิดเผยว่า การเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิม (RO) ไม่ได้ทำให้ราคาหุ้นในกระดานเกิดผลกระทบ dilution แต่อย่างใด เพราะจำนวนที่จัดสรรไม่ได้มาก โดยมีจำนวนเพียง 75,982,482 หุ้น และใช้อัตราส่วน 10 หุ้นเดิม: 1 หุ้นเพิ่มทุน หรือคิดเป็นประมาณ 10% ของทุนเดิม อีกทั้งบริษัทได้เสนอขายหุ้นละ 1.00 บาท ซึ่งเป็นราคาต่ำกว่าราคาในกระดาน รวมทั้งผู้ถือหุ้นเดิมที่เพิ่มทุนจะได้รับใบสำคัญแสดงสิทธิ(TCC-W2) ซึ่งสามารถนำไปแปลงเป็นหุ้นสามัญได้ในราคาหุ้นละ 1.00 บาท
"เราเพิ่มทุนแค่ 75 ล้านหุ้น และใช้อัตราส่วน 10 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ เท่ากับเราเพิ่มไป 10% ฉะนั้นไม่เกิด Dilute แต่คนเช้าใจผิดคิดว่าบริษัทไหนเพิ่มทุนก็จะเกิด Dilute ซึ่งของเราเอาเงินมา แต่เราจะทำกำไรได้มากขึ้น"นายบัณฑิต กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
ปิดตลาดช่วงเช้านี้ ราคาหุ้น TCC ลบ 0.32 บาท (-7.58%) มาอยู่ที่ 3.90 บาท จากราคาเปิดที่ 4.18 บาท มูลค่าการซื้อขาย 76.55 ล้านบาท
ส่วนการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 200 ล้านหุ้นเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด(PP)นั้น นายบัณฑิต กล่าวว่า บริษัทจะเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติเป็นหลักการไว้ก่อน เพื่อรองรับการทำธุรกิจต่อเนื่องหรือธุรกิจที่เกื้อหนุนกับธุรกิจปัจจุบัน ซึ่งขณะนี้ได้มีการเจรจาการซื้อเหมืองในอินโดนีเซียอยู่ 1-2 ราย คาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่เกิน 200 ล้านบาท อาจจะได้ข้อสรุปหรือความชัดเจนในปลายปี 54
นายบัณฑิต คาดว่า จะได้รับเงินจากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมวงเงินประมาณ 75 ล้านบาท นำไปใช้เป็นสภาพคล่องในการเทรดดิ้งถ่านหิน ซึ่งในปี 54 ธุรกิจดังกล่าวมีแนวโน้มดีมาก เนื่องจากราคาถ่านหินที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมัน โดยในไตรมาส 4/53 จนถึงปัจจุบันราคาถ่านหินโลกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ในปี 54 บริษัทคาดว่ารายได้จากการขายถ่านหินจะเกินกว่า 1,000 ล้านบาท จากปี 53 ที่มีรายได้รวม 475 ล้านบาท โดยเกือบ 100% มาจากธุรกิจขายถ่านหิน โดยในปี 54 ประมาณการว่าจะขายถ่านหินได้ ปริมาณ 4 แสนตันขึ้นไป จากปีก่อนขายได้ 1.9 แสนตัน หรือมากกว่า 100% จากการออเดอร์เพิ่มขึ้นจากลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่
"ออเดอร์ในเดือนมกราคมของเราทะลุเป้า ขายได้ 3 หมื่นกว่าตัน เดือนกุมภาพันธ์ผ่านไปครึ่งเดือนก็ทะลุเป้า ขายได้ 3 หมื่นกว่าตัน ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เดือนมีนาคมก็น่าจะขายได้ดี"นายบัณฑิต กล่าว
ขณะเดียวกัน อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทในปีนี้เพิ่มสูงขึ้นคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 21% จากปีก่อนที่ 19% เนื่องจากมีปริมาณขายมากขึ้น ทำให้ต้นทุนลดลง และราคาขายปรับขึ้นตามราคาตลาดโลกด้วย
ปัจจุบัน บริษัทมีโรงเก็บและคัดแยกถ่านหิน กำลังการผลิตอยู่ที่ 6-8 หมื่นตัน/เดือน ที่ใช้กำลังการผลิตไม่ถึง 50% จึงยังไม่มีแผนขยายการลงทุนแต่อย่างใด
นายบัณฑิต กล่าวว่า ในปี 53 ที่ผ่านมาบริษัทได้ลดพาร์จาก 1.00 บาทมาเป็น 0.50 บาท เพื่อล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ประมาณ 10 ล้านบาทได้หมดแล้ว และสามารถกลับมามีกำไรขึ้นมา แต่คณะกรรมการบริษัทให้งดจ่ายเงินปันผล เพราะเห็นว่าในปี 53 มีกำไรยังไม่มากและอยู่ในช่วงที่บริษัทต้องการเงินทุนเพื่อขยายกิจการ ซึ่งหากในปี 54 มีกำไรดีขึ้น คาดว่าจะมีการจ่ายเงินปันผลได้ ซึ่งจะเป็นการจ่ายเงินปันผลครั้งแรกในรอบ 8 ปี