ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (15 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่า รัฐบาลในกลุ่มประเทศยุโรปจะขยายวงเงินในกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) ที่ระบุว่า เศรษฐกิจในกลุ่มยูโรโซนยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีขยับขึ้น 3.41 จุด หรือ 0.05% ปิดที่ 7,400.04 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 7,376.24 - 7,420.69 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสบวก 13.72 จุด หรือ 0.33% ปิดที่ 4,110.34 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 4,085.50 - 4,118.76 จุด
ดัชนี FTSEurofirst 300 ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มบลูชิพในตลาดยุโรปปิดบวก 2.19 จุด หรือ 0.19% แตะที่ 1,180.05 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,175.47-1,182.14 จุด
ดัชนี Stoxx Europe 600 ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานในตลาดยุโรป ปิดบวก 0.3% แตะที่ 289.88 จุด
อย่างไรก็ตาม ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นอังกฤษ ร่วงลง 23.01 จุด หรือ 0.38% ปิดที่ 6,037.08 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 6,023.77 - 6,072.07 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นหลังจากยูโรสแตทรายงานว่า เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศที่ใช้เงินยูโร หรือยูโรโซน ขยายตัว 0.3% ในไตรมาส 4 ของปี 2553 ซึ่งเท่ากับอัตราขยายตัวในไตรมาส 3 ขณะที่เศรษฐกิจตลอดทั้งปี 2553 ขยายตัว 1.7% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจยูโรโซนขยายตัวอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี 2553 และสามารถกลับมาขยายตัวอีกครั้งในปีที่แล้ว หลังจากที่หดตัวถึง 4.1% ในปี 2552 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดวิกฤตการเงินทั่วโลก
หุ้นดาน่อนซึ่งเป็นบริษัทอาหารของฝรั่งเศส ปิดพุ่ง 3.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายปี 2553 พุ่งขึ้นเกินคาด พร้อมกับปรับเพิ่มคาดการณ์ยอดขายในปี 2554
หุ้นยูนิเครดิต เอสพีเอ ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์รายใหญ่สุดของอิตาลี ปิดพุ่ง 3% หลังจากนักวิเคราะห์ของโซซิเอเต เจนเนอรัล แนะนำให้นักลงทุนซื้อหุ้นยูนิเครดิต
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นอังกฤษปิดร่วงลง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อในประเทศ หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในเดือนมกราคม ขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 4.0% ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี จากระดับ 3.7% ในเดือนธันวาคม