โบรกเกอร์เห็นพ้องแนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ท่าอากาศยานไทย(AOT)เพราะเห็นว่าในปี 54 จะมีกำไรเติบโตก้าวกระโดดถึงกว่า 200% ตามการเติบโตของธุรกิจการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว เห็นได้จากในไตรมาส 1/54(ต.ค.-ธ.ค.53)ที่สามารถพลิกมีกำไรได้ ประกอบกับ ปีนี้บริษัทจะไม่มีการต่ออายุมาตรการลดค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือสายการบินและผู้ประกอบการภายในสนามบิน อีกทั้งราคาหุ้นยังมี upside อยู่มาก โดยราคาซื้อขายในกระดานยังค่อนข้างถูก
อย่างไรก็ดี ยังคงต้องติดตามสถานการณ์การเมือง เพราะอาจจะมีผลกระทบต่อธุรกิจการท่องเที่ยวได้อีก แต่คาดว่าคงไม่รุนแรงเท่ากับปีที่แล้ว รวมถึงมาตรการให้ความช่วยเหลือสายการบินและผู้ประกอบการการว่าจะมีออกมาอีกหรือไม่
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท) บล.กิมเอ็ง ซื้อ 50.00 บล.เกียรตินาคิน ซื้อ 49.00 บล.กรุงศรีอยุธยา ซื้อ 47.00 บล.ฟิลลิป ซื้อ 46.75 บล.ยูไนเต็ด ซื้อ 45.00 บล.เอเชียพลัส ซื้อ 44.88
น.ส.ดาวดี ธีรอภิศักดิ์กุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)คาดว่า กำไรของ AOT ในไตรมาส 2(ม.ค.-มี.ค.54)จะออกมาดีที่สุดในรอบปีนี้ เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว และบริษัทมีรายได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยจากค่าธรรมเนียมสนามบินและผู้โดยสาร เนื่องจากปีนี้ไม่มีมาตรการลดค่าธรรมเนียมเพื่อช่วยเหลือสายการบินและผู้ประกอบการภายในสนามบิน
ทั้งนี้ คาดว่ากำไรสุทธิทั้งปี 54 สิ้นสุดก.ย.)จะอยู่ที่ 3,395 ล้านบาท เติบโต 213% yoy โดยกำไรอยู่ภายใต้สมมติฐานจำนวนผู้โดยสารและเที่ยวบินเติบโต 14% และ 13% ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงที่ยังต้องติดตามดูต่อไปคือเรื่องการเมือง โดยปัจจุบันมีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และการสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา อาจมีผลกระทบถึงการท่องเที่ยวของไทย รวมทั้ง การติดตามว่าจะมีการต่ออายุมาตรการช่วยเหลือให้กับสายการบินและผู้ประกอบการหรือไม่
AOT รายงานผลประกอบการงวดไตรมาส 1 (ต.ค.—ธ.ค.53) มีกำไรสุทธิที่ 683 ล้านบาท ลดลง 14% yoy ซึ่งในงวดนี้บริษัทมีการบันทึกขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 252 ล้านบาท กำไรจากการขายสินทรัพย์ 1.2 ล้านบาท และด้อยค่าสินทรัพย์ 17 ล้านบาท รวมแล้วมีผลขาดทุนสุทธิจากรายการพิเศษจำนวน 267 ล้านบาท
หากไม่รวมรายการพิเศษนี้จะมีกำไรปกติที่ 950 ล้านบาท โตถึง 177% yoy อัตรากำไรจากการดำเนินงานขยายตัวเป็น 25% จาก 20% กำไรจากการดำเนินงานเติบโตโดดเด่น หลัก ๆ มาจากจำนวนผู้โดยสารที่ฟื้นตัวแข็งแกร่ง 5.3% yoy เป็น 16 ล้านคน และจำนวนเที่ยวบินเติบโต 9.6% yoy เป็น 106,557 เที่ยว รายได้จากการให้บริการรวมเพิ่มขึ้น 5% yoy เป็น 6,549 ล้านบาท
รายได้ค่าธรรมเนียมการใช้สนามบินโต 8.7% เป็น 2,843 ล้านบาท และค่าธรรมเนียมลงจอดอากาศยาน โต 29% เป็น 950 ล้านบาท รายได้ค่าธรรมเนียมในไตรมาสแรกนี้ยังคงได้รับผลกระทบจากมาตรการให้ความช่วยเหลือสายการบินและผู้ประกอบการซึ่งได้สิ้นสุดลงไปเมื่อ ธ.ค. 53 ดอกเบี้ยจ่ายในไตรมาสนี้ลดลง 5% yoy เป็น 575 ล้านบาท
ด้านนายสิทธิเดช ประเสริฐรุ่งเรือง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.กรุงศรีอยุธยา ประเมินว่า ในปี 54 AOT จะมีกำไรโตแบบก้าวกระโดด หรือจะมีกำไรก่อนอัตราแลกเปลี่ยนเติบโต 45% yoy หรือเท่ากับ 1,768 ล้านบาท ด้วยสมมติฐานการเติบโตของปริมาณผู้โดยสารที่ระดับ 6% yoy
"ปีนี้เป็นปีท่องเที่ยวโลกฟื้น จากปีที่แล้วที่เรามีปัญหาทางการเมือง แต่ปีนี้คาดว่าจะไม่มีผลกระทบทางการเมือง AOT มีต้นทุนคงที่ ฉะนั้นหากรายได้เพิ่มขึ้น 1 บาทก็จะมีกำไรเพิ่มขึ้น 1 บาทด้วย ซึ่งหุ้นอย่างนี้เราจะเล่นเวลาหุ้นเป็นขาขึ้น" นายสิทธิเดช กล่าว
นอกจากนี้ ราคาหุ้นในปัจจุบันค่อนข้างถูก โดยซื้อขายที่ P/BV เพียง 0.6 เท่าต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับสนามบินในภูมิภาคที่มีค่าเฉลี่ยที่ 1.5 เท่า
ขณะที่บทวิเคราะห์ของ บล.เกียรตินาคิน ระบุว่า แนวโน้กำไรสุทธิไตรมาส 2/54(ม.ค.—มี.ค.54)ยังแข็งแกร่งต่อเนื่องจาก 2 ปัจจัยบวก ได้แก่ ยังเป็นช่วง High Season ของการท่องเที่ยว โดยเฉพาะจำนวนเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสารในเดือน ม.ค.-ก.พ.54 ที่จะยังมีการเติบโต yoy และมาตรการให้ความช่วยเหลือสายการบินและผู้ประกอบการ สิ้นสุด ธ.ค.53 ทำให้การรับรู้รายได้ในไตรมาส 2/54 ไม่มีปัจจัยลบจากมาตรการดังกล่าว
ดังนั้น กำไรจากการดำเนินงานปกติปี 54 คาดเติบโต 63% yoy แต่หากรวมเงินชดเชยจากภาครัฐจะเติบโตถึง 134%yoy ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 54 ไว้ที่ 3,318 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 134.35% yoy เป็นผลมาจากการคาดหมายว่าจะได้รับเงินชดเชยจากภาครัฐ(มาตรการช่วยเหลือธุรกิจสายการบินและผู้ประกอบการ)ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานปกติคาดว่าจะไม่น้อยกว่า 1,769 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62.87% yoy