นายสมพงษ์ เผอิญโชค กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยรุ่งยูเนียนคาร์ (TRU) คาดว่า กำไรสุทธิในปี 54 จะเติบโตมากกว่า 15% จากปีก่อน เนื่องจากมีการผลิตเพิ่มขึ้น ขณะที่มีต้นทุนคงที่ อีกทั้งเครื่องจักรบางส่วนไม่ต้องหักค่าเสื่อม ทำให้สามารถรับรู้กำไรได้เพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรญี่ปุ่นที่จะเข้ามาร่วมผลิตชิ้นส่วนพลาสติกเพื่อเพิ่มออร์เดอร์ใหม่เข้ามา เพราะมองว่าพันธมิตรญี่ปุ่นจะมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับบริษัทผลิตรถยนต์
"เราพยายามหาพันธมิตร วันนี้ญี่ปุ่นย้ายฐานการผลิตออกนอกประเทศแน่นอนแล้ว และไทยยังเป็นแหล่งฐานการผลิตใหญ่ที่เข้าจะมา เราได้คุยกันอยุ่กับพันธมิตรญี่ปุ่น ที่จะทำชิ้นส่วนพลาสติก...เราต้องการพันธมิตรเราพวกนี้เขามีคอนเนคชั่น และมี learning curve ซึ่งต้องใช้เวลา"นายสมพงษ์ กล่าว
ที่ผ่านมา บริษัทได้ร่วมุนกับพันธมิตรญี่ปุ่นในการร่วมผลิต Jig และ เบาะรถยนต์
นายสมพงษ์ มองว่า ใน 3-5 ปีข้างหน้าธุรกิจชิ้นส่วนรถยนต์ในไทยจะเติบโตได้ดี จากที่ไทยเป็นฐานการผลิตแล้ว อายุการใช้งานของชิ้นส่วนรถยนต์ก็สั้นลง
สำหรับในปี 54 บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ 500-600 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายโรงงานและซื้อเครื่องจักรใหม่ โดยโรงงานใหม่ใน จ.ระยองจะเริ่มผลิตได้ในปลายปี 54 ซึ่งจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเท่าตัว และคาดว่าจะทำรายได้ 500-600 ล้านบาทหากผลิตเต็มกำลังการผลิตที่คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 ปี รวมทั้งจะมีการขยายกำลังการผลิตชิ้นส่วนอื่นที่คาดว่าจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 50% รองรับออเดอร์ใหม่ที่จะทยอยเข้ามาในปีนี้และต่อเนื่องในปีหน้า
ส่วนรายได้ปีนี้คาดว่าเติบโต 15% จากปีก่อนที่คาดว่ามีรายได้ 2.1-2.2 พันล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากการผลิตชิ้นส่วนและแม่พิมพ์ มีสัดส่วน 50%, รับจ้างประกอบรถยนต์ มีสัดส่วน 30% และ การผลิตและจำหน่ายรถเฉพาะด้านรวมการให้บริการ 20%
นายสมพงษ์ กล่าวว่า บริษัทได้เปิดตัวรถต้นแบบใหม่ MUV4 ซึ่งเป็นรถตรวจการณ์ลาดตระเวน ออกแบบเพื่อสนองความต้องการใช้งานทางการทหาร ตำรวจ และหน่วยงานราชการต่างๆ รวมทั้งกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการใช้รถยนต์ Hammer หรือ Land Rover(Defender) ซึ่งจะขายในราคาคันละประมาณ 1.3-1.4 ล้านบาท
ในปีนี้จะเข้าประมูลในกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และตำรวจ ซึ่งคาดว่าบริษัทจะประมูลได้ 50%ของจำนวนรถที่หน่วยงานราชการต้องการ 1,000 คัน หรือประมาณ 500 คัน คิดเป็นเงินไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท รวมทั้ง ยังมีรถบ้านที่จะออกโชว์ในงานมอเตอร์โชว์พร้อมกันในปลายเดือน มี.ค.นี้ โดยจะรับผลิตตามำคำสั่งซื้อ
"รายได้ในส่วนรถใหม่นี้ยังไม่รวมในประมาณการ ถือว่าเป็น extra bonus" นายสมพงษ์ กล่าว
นอกจากนี้ เตรียมที่จะเปิดให้บริการติดตั้ง CNG ในรถจากแนวโน้มราคาน้ำมันปรับตัวสูงขั้น โดยเฉพาะรถแท็กซี่ใหม่ที่รัฐบาลปล่อยกุ้ในโครงการประชาวิวัฒน์ คาดว่าจะมีความต้องการติดตั้ง CNG เพิ่มขึ้น และในส่วนรถแท็กซี่ใหม่บางส่วนอาจมีความต้องการรถแบบขนของได้ด้วย ซึ่งบริษัทจะร่วมเสนอเข้าไปในตลาด คาดว่าจะทำยอดขายได้ 400-500 คัน
ส่วนโครงการรถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคันนั้น นายสมพงษ์ กล่าวว่า ตัวเขาเองเลิกหวังโครงการนี้แล้ว เพราะไม่รู้จะเกิดได้หรือไม่