บมจ.ไทยคม(THCOM)มั่นใจว่าผลประกอบการของบริษัทในปี 54 จะพลิกกลับมามีกำไร จากปีก่อนที่มีผลขาดทุนราว 800 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจไอพีสตาร์จะเติบโตขึ้นมาก โดยเฉพาะคาดว่าอัตราการใช้งานไอพีสตาร์ในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 30% จากปีก่อนอยู่ที่ 15% เนื่องจากมีโอกาสจะได้ลูกค้ารายใหม่จากพม่าและมาเลเซีย ซึ่งเป็นผู้ใช้บริการรายใหญ่ เพิ่มเข้ามาในช่วงครึ่งแรกของปีนี้
"ปีนี้ บริษัทมั่นใจว่าจะมีกำไรสุทธิ แม้ว่าปีก่อนจะขาดทุน 800 ล้านบาท แต่มั่นใจว่าไอพีสตาร์จะเติบโต utilization จะเพิ่มเป็น 30%" นายธนฑิต เจริญจันทร์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการลงทุน THCOM กล่าว
รวมทั้งบริษัทคาดว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการปีนี้หากมีกำไรตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ ซึ่งถือว่าจะเป็นการจ่ายเงินปันผลครั้งแรกในรอบ 7 ปี
นายธนฑิต คาดว่า ในปี 54 บริษัทจะรับรู้รายได้จากไอพีสตาร์จากอินเดียเข้ามาเต็มปี และมีการขยายการให้บริการไปยังประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นตลาดหลักของบริษัทอยู่แล้ว รวมถึง มีการเริ่มทำการตลาดในประเทศจีน โดยไชน่า เทเลคอม ได้กำหนดมาตรฐานและนโยบายการขายไอพีสตาร์ในจีน เชื่อว่าในอนาคตจะมีการให้บริการในจีนได้เต็มรูปแบบหลังจากที่ผ่านมามีปัญหาการปรับโครงสร้างธุรกิจโทรคมนาคมในจีนและญี่ปุ่น ยังเซ็นสัญญาเพิ่มเติมให้บริษัทเข้าไปดูแลด้านเกตเวย์ เมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา
และจะได้ลูกค้าใหม่ภายในครึ่งแรกปีนี้ จากมาเลเซีย ซึ่งคู่สํญญาเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายหลักชองประเทศ ส่วนในพม่า จะเป็นการเซ็นสัญญาร่วมกับเอกชน แม้จะไม่ใช่รายใหญ่แต่ถือว่าเป็นการเริ่มต้นธุรกิจในพม่า ซึ่งหวังง่าจะอัตราเติบโตมากในอนาคต
ดังนั้น บริษัทจึงคาดว่ารายได้ในปี 54 เติบโต 30% จากปี 53 ที่มีรายได้ 6.7 พันล้านบาท
ส่วนให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในลาว และ กัมพูชา นายธนฑิต ยอมรับว่า ธุรกิจใน 2 ประเทศมีส่วนทำให้บริษัทขาดทุน เนื่องจากมีการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงมาก เหมือนในอดีตที่ผ่านมาที่เกิดขึ้นในไทย ทำให้ยอดลูกค้าหายไปจำนวนมาก แต่ช่วงไตรมาส 4/53 ขณะนี้เริ่มมีการเพิ่มขึ้นของจำนวนลูกค้า จนใกล้ระดับจำนวนลูกค้าก่อนหน้าที่อยู่ 8 แสนรายในกัมพูชา และ 1.7 ล้านรายในลาว
อย่างไรก็ตาม การที่ธุริจโทรศัพท์เคลื่อนที่ในสองประเทศไม่ประสบความสำเร็จ บริษัทยังดำเนินธุรกิจต่อ เนื่องจากทั้งสองประเทศมีโอกาสเติบโตทางเศรษฐกิจค่อนข้างสูง อย่างไรก็ดี ยอมรับว่ามีแนวคิดขายกิจการใน 2 ประเทศนี้ หากมีผู้เสนอราคาที่น่าสนใจ
"ที่ผ่านมา ที่เราทำธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ไม่ประสบความสำเร็จ ยืนยันว่าเป็นเพราะการแข่งขันสูง ไม่ใช่ว่าเราไม่ถนัดในธุรกิจหรือไม่มีความรู้ แต่ถ้าใครให้ราคาดีก็พร้อมจะขาย" นายธนฑิต กล่าว
สำหรับการลงทุนดาวเทียมดวงใหม่ ขณะนี้ยังคงต้องเจรจาและรอความชัดเจนกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) โดยได้มีการตั้งทีมเพื่อติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด แต่ก็ไม่มีการตอบรับจากทางกระทรวงไอซีที
ปัจจุบัน บริษัทได้สัมปทานบริหารดาวเทียมไทยคม 5 และไอพีสตาร์
ทั้งนี้ อัตราการใช้ดาวเทียมไทยคม 5 ในย่าน CU Band มีอัตราการใช้ 99% และเหลือเพียง 1% ส่วน KU Band มีอัตราการใช้ 93% เหลือ 7% ถือว่าน้อยมาก และทางการควรเริ่มพิจารณาการลงทุน แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทจะไม่มีการลงทุนจนกว่าจะมีความชัดเจนจากภาครัฐ หรือ คณะกรรมการบริหารของบริษัทอนุมัติการลงทุน เนื่องจากการลงทุนมีความเสี่ยงสูง หากสร้างดาวเทียมดวงใหม่แล้วไม่มีช่องสัญญาณ ก็ใช้ไม่ได้
นายธนฑิต กล่าวว่า ปี 54 บริษัทตั้งงบลงทุนเพียง 5 ล้านเหรียญสหรัฐในการขยาย Network Capacity และ gateway ยังไม่รวมแผนการลงทุนขนาดใหญ่หากมีโอกาสลงทุนเพิ่ม แต่ถ้ามี บริษัทก็ยืนยันว่ามีความพร้อมทางการเงิน