โบรกเกอร์เทใจแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์(HMPRO)จากผลกำไรสุทธิในไตรมาส 4/53 แข็งแกร่ง และทำกำไรได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้กำไรสุทธิทั้งปี 53 เติบโต 45% มาที่ 1.64 พันล้านบาท จากยอดขายขยายตัวและสินค้า House brand ที่เป็นสินค้ามาร์จิ้นดีมีสัดส่วนขายเพิ่มขึ้น
ในปี 54 คาดว่ากำไรยังเติบโตต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่าจะเติบโต 10-15% มาที่ 1.80-1.88 พันล้านบาท ตามการเติบโตจากยอดขายต่อสาขาเดิมในอัตรา 3-5% ตามภาวะเศรษฐกิจ รวมทั้งการเปิดสาขาใหม่ 4-5 แห่ง และการเพิ่มยอดขายสินต้า House brand
นอกจากนี้ บริษัทยังประกาศจ่ายปันผลเป็นหุ้นปันผลในอัตรา 6 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล และ จ่ายเงินปันผล 0.0193 บาท/หุ้น ซึ่งโบรกเกอร์มองว่าเป็นผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นเดิม เพราะได้หุ้นใหม่มาฟรี และส่วนหนึ่งจะช่วยให้หุ้น HMPRO มีสภาพคล่องมากขึ้นด้วย
ราคาหุ้น HMPRO ปิดช่วงเช้านี้ อยู่ที่ 8.45 บาท บวก 0.35 บาท (+4.32%)
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท) บล.ดีบีเอสฯ ซื้อ 11.80 บล.ธนชาต ซื้อ 11.00 บล.ทิสโก้ ซื้อ 11.00 บล.กิมเอ็ง ซื้อ 10.80 บล.กรุงศรีอยุธยา ซื้อ 10.80 บล.ยูไนเต็ด ซื้อ 10.50
นายธนัท รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ในไตรมาส 4/53 HMRPO มีกำไรดีต่อเนื่อง ผลจากการจัดโปรโมชั่น และกำลังซื้อปลายปีสูงขึ้น และกำไรสุทธิทั้งปี 53 เติบโต 45% มาที่ 1.64 พันล้านบาท เป็นการเติบโตมาจากการขยายตัวของยอดขาย(+18.4%YoY)และอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นเป็น 25% จาก 24.3% ในปี 52
ในปี 54 คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโต 15% มาที่ 1.88 พันล้านบาท ซึ่งอัตราการเติบโตน้อยลงกว่าปีที่แล้ว เพราะฐานของปีก่อนใหญ่ขึ้น และการเติบโตของจีดีพีปีนี้ชะลอลงเหลือประมาณ 3-5% โดยการเติบโตของยอดขายต่อสาขา(Same-store sales)เติบโตประมาณ 5%
อย่างไรก็ดตาม คาดว่าในช่วง 3 ปีนี้(54-56)กำไรสุทธิของ HMRPO จะเติบโตเป็น 2 digit หรือประมาณ 15-20% เพราะยอดขายยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดี และ โมเดิร์นเทรด ได้รับกระแสตอบรับดีขึ้น
ขณะที่บริษัทประกาศจ่ายปันผลสำหรับงวดครึ่งหลังปี 53 เป็นเงินสด 0.0193 บาท/หุ้น และหุ้นปันผลในอัตรา 6 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ ซึ่งเห็นว่าจุดนี้น่าจะทำให้ผู้ถือหุ้นเดิมพอใจ โดยเฉพาะการได้หุ้นใหม่ตอบแทนเป็นปันผล ขณะเดียวกันบริษัทได้เพิ่มสภาพคล่องหุ้นของบริษัทเองด้วย
"การให้ stock dividend น่าจะถูกใจผู้ถือหุ้นที่ถือหุ้น HMPRO มานานน่าจะชอบ มี dilution effect 14% ซึ่งไม่มากอะไร ถ้าเทียบกับปี 54 ที่คาดว่ากำไรโต 15% เพราะฉะนั้นก็ไม่กระทบเท่าไร ผมมองว่า impact ตรงนี้มองในมุมผู้ถือหุ้นไม่น่าเสียหายอะไร ถือว่าได้ผลตอบแทนที่ดี"นายธนัท กล่าว
ด้านนักวิเคราะห์จาก บล.ยูไนเต็ด กล่าวว่า กำไรสุทธิ HMPRO ในไตรมาส 4/53 ออกมาดีกว่าที่คาดไว้ โดยประกาศกำไรสุทธิในไตรมาส 4/53 ที่ 536 ล้านบาท ถือว่าทำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการรณ์ ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 38%QoQ และ 37%YoY และส่งผลให้กำไรสุทธิทั้งปี 53 ปรับตัวขึ้นกว่า 43%YoY มาที่ 1,638 ล้านบาท เป็นผลจากยอดขายขยายตัวเพิ่มขึ้น และการเติบโตของยอดขายต่อสาขา(Same-store sales)เติบโตประมาณ 7-8% รวมทั้งมีมาร์จิ้นสูงขึ้นจากยอดขายสินค้า house brand มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น รวมถึงบริษัทมีอำนาจต่อรองสูงจากการสั่งซื้อในปริมาณที่มากขึ้น
ในปี 54 คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิจะเติบโตต่อเนื่องอีก 10% เป็น 1,808 ล้านบาท และยอดขายเติบโตต่อเนื่อง โดยยอดขายต่อสาขา(Same-store sales)คาดเติบโต 3% และจะมีการเปิดสาขาใหม่ 4-5 แห่ง
นักวิเคราะห์ กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้ราคาหุ้น HMPRO วันนี้ดีดตัวขึ้นค่อนข้างแรง คาดว่าส่วนหนึ่งเป็นผลที่บริษัทประกาศจ่ายปันผลทั้งในรูปหุ้นสามัญและเงินสด รวมทั้งกำไรในไตรมาส 4/53 และแนวโน้มปีนี้ที่ยังมีปัจจัยขับเคลื่อนทำให้ยอดขายกำไรยังดีและเติบโตได้ต่อเนื่อง
ส่วนการลงทุนตั้งสาขาในมาเลเซีย คาดว่าจะได้เห็นความชัดเจนในครึ่งแรกของปี 54 และคาดว่าจะรับรู้รายได้ในครึ่งปีหลังหรือปลายปี 54
ขณะที่ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ระบุว่า ผลประกอบการไตรมาส 4/53 ของ HMPRO แข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ กำไรสุทธิเติบโตถึง 40% เป็น 539 ล้านบาทซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์จากการที่ยอดขายเพิ่มขึ้น 18% yoy และกำไรสุทธิในปี 53 ปรับตัวสูงขึ้นอย่างโดดเด่นถึง 45% เป็น 1,638 ล้านบาท
ปัจจัยผลักดันจากยอดขายที่ขยายตัวขึ้นจากการที่ยอดขายต่อสาขามีอัตราเติบโตมากกว่า 10% และการเปิดสาขาใหม่ 5 สาขา ได้แก่ นครปฐม นครราชสีมา ลำลูกกา สุขาภิบาล 3 และนครศรีธรรมราช โดยมีพื้นที่ขายกว่า 30,000 ตารางเมตร
ขณะที่งาน HomePro Expo ก็ได้รับการตอบรับดี รายได้ค่าเช่าและรายได้อื่นก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการขยายพื้นที่เช่ารวมทั้งการเติบโตของรายได้จากค่าโฆษณาและการส่งเสริมการขาย การเพิ่มสัดส่วนยอดขายจากสินค้า House brand และสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 24.3% ในปี 52 มาที่ 25.0%
ส่วนในปี 54 คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโต 10% เป็น 1,804 ล้านบาทจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจซึ่งจะส่งผลบวกต่อยอดขายต่อสาขาให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีเสถียรภาพ บริษัทยังจะมีการเปิดสาขาใหม่ 4-5 สาขา และเพิ่มสัดส่วนสินค้า House brand