นายศุภกร สุนทรกิจ รองกรรมการผู้จัดการ บลจ. เอ็มเอฟซี ในฐานะผู้บริหารกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือกับสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.)และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เกี่ยวกับแนวทางการจัดการกับกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 ที่จะหมดอายุลงใน 3 ปีข้างหน้า ซึ่งขณะนี้มี 3 ทางเลือก คือ 1.การยกเลิกกองทุนหลังหมดอายุลง 2. การขยายอายุกองทุน และ 3. การปรับเปลี่ยนรูปแบบกองทุนฯ คาดว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นความชัดเจน
อย่างไรก็ตาม หากมีการยกเลิกกองทุนก็ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น ซึ่งในส่วนของ MFC มีพอร์ตบริหารจัดการ 30,000 ล้านบาท ก็จะทยอยลดสัดส่วนการถือหุ้นลง และคืนทรัพย์สินบางส่วนให้กับกระทรวงการคลัง แต่หากไม่มีการยกเลิกกองทุน ก็ไม่มีปัญหาในการบริหารจัดการ หรืออาจมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบกองทุน โดยมีแนวคิดที่จะขายกองทุนให้กับนักลงทุนรายย่อยทั้งหมด และอาจปรับลดการรับประกันผลตอบแทนลง
"อีก 3 ปี คาดว่ามูลค่ากองทุนน่าจะเกิน 2 แสนล้านบาท ก็มีหลายแนวคิด อาจจะขายกองทุนเพื่อให้นักลงทุนรายย่อยทั้งหมด มีการลดการรับประกันผลตอบแทน...ต้องขึ้นอยู่กับ สคร. และ สบน.จะดำเนิการอย่างไร แต่มีความเป็นไปได้หลายทาง อาจจะยืดอายุกองทุนก็ได้"นายศุภกร กล่าว
นายศุภกร กล่าวถึงแนวทางการจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์ 2 ว่า ในหลักการจะแตกต่างจากกองทุนวายุภักษ์ 1 แต่มีแนวคิดที่จะเป็นการจัดตั้งเพื่อรองรับการโอนสินทรัพย์จากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินที่จะปิดองค์กรในอนาคต แต่ยังมีปัญหาเกี่ยวกับหุ้นที่กองทุนฟื้นฟูฯถืออยู่ เช่น ธนาคารกรุงไทย (KTB) จะมีการจัดการอย่างไร ส่วนหุ้น บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท (SAM) และบริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพฯพณิชย์ (BAM) ไม่น่ามีปัญหา
"มองว่าหากจัดการทรัพย์สินของกองทุนฟื้นฟูฯ โดยการตั้งกองทุนวายุภักษ์ น่าจะแก้ปัญหาได้ดีกว่าการออกพันธบัตร เพราะไม่เช่นนั้นก็จะเป็นภาระหนี้ต่อไปเป็นงูกินหางไปเรื่อยๆ"นายศุภกร กล่าว