ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (18 ก.พ.) โดยหุ้นกลุ่มเหมืองถูกแรงขายกดดัน หลังจากที่จีนประกาศใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อควบคุมเงินเฟ้อและชะลอความร้อนแรงของเศรษฐกิจ นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายยังได้รับปัจจัยลบจากสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง
ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลง 4.39 จุด หรือ 0.07% แตะที่ 6,082.99 จุด
เมื่อวานนี้ ธนาคารกลางจีนได้ประกาศเพิ่มเพดานกันสำรองเงินฝากของธนาคารพาณิชย์อีก 0.50% มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ.นี้เป็นต้นไป โดยมีเป้าหมายที่จะควบคุมภาวะเงินเฟ้อและราคาอสังหาริมทรัพย์ที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
การประกาศเพิ่มเพดานสำรองเงินฝากครั้งล่าสุดนับเป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้ และยังมีขึ้นเพียง 10 วันหลังจากที่ธนาคารกลางจีนได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินฝากและเงินกู้อีก 0.25%
ทั้งนี้ การเดินหน้ามาตรการคุมเข้มการเงินครั้งล่าสุดของจีน ซึ่งเป็นผู้ใช้แร่โลหะรายใหญ่สุดของโลก ได้ส่งผลให้หุ้นกลุ่มเหมืองร่วงลง
นอกจากนี้ เหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางยังเป็นปัจจัยผลักดันให้นักลงทุนส่งคำสั่งขายหุ้น โดยสถานการณ์ตึงเครียดในภูมิภาคทวีความรุนแรงขึ้น เมื่ออิหร่านได้ยื่นเรื่องขอให้เรือรบ 2 ลำของกองทัพเรืออิหร่าน แล่นผ่านคลองสุเอซ ของอียิปต์ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศของอียิปต์ก็ได้ออกมายืนยันว่าได้รับคำร้องจากอิหร่าน และกำลังพิจารณาเรื่องดังกล่าว ท่ามกลางการคัดค้านจากอิสราเอลที่ระบุว่า การกระทำของอิหร่านถือเป็นการยั่วยุ
ริโอ ทินโต กรุ๊ป บริษัทเหมืองแร่ขนาดใหญ่อันดับ 3 ของโลก ร่วง 2.3% และบีเอชพี บิลลิตัน ร่วงลง 2.2%
แองโกล อเมริกัน ร่วง 2.1% เหตุนักลงทุนผิดหวังเรื่องการจ่ายเงินปันผลของบริษัท
อย่างไรก็ตาม แอฟริกัน บาร์ริก โกลด์ สวนกระแส เมื่อทะยานขึ้นถึง 3.81% หลังมีข่าวว่าบริษัทอยู่ในระหว่างเจรจาข้อเสนอซื้อขายกิจการ
ขณะที่หุ้นบริษัทพลังงาน ปิโตรแฟค ดิ่งลงหนักสุด 4.56% จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการดำเนินงานของบริษัทในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ ซึ่งกำลังเกิดเหตุวุ่นวายทางการเมือง