ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันเมื่อคืนนี้ (18 ก.พ.) ก่อนที่ตลาดจะปิดยาว 3 วันในช่วงสุดสัปดาห์ โดยนักลงทุนเชื่อมั่นมากขึ้นเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ หลังบริษัทเอกชนเปิดเผยผลประกอบการที่สดใส ซึ่งช่วยชดเชยปัจจัยลบจากการประกาศมาตรการคุมเข้มเพิ่มเติมของจีนและสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดเดินหน้าขึ้น 73.11 จุด หรือ 0.59% แตะที่ 12,391.25 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2551
ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 2.58 จุด หรือ 0.19% แตะที่ 1,343.01 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดขยับขึ้น 2.37 จุด หรือ 0.08% แตะที่ 2,833.95 จุด
โดยตลาดหุ้นนิวยอร์กได้เปิดทำการซื้อขายในกรอบแคบๆเมื่อวันศุกร์ แต่หลังจากนั้น ได้มีแรงซื้อส่งเขามาในตลาดทีละน้อยและหนุนให้ดัชนีดีดตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นว่า ผลการดำเนินงานของธุรกิจต่างๆของสหรัฐมีแนวโน้มเป็นบวกต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ตลาดเดินหน้าขึ้นแม้ว่าเมื่อวานนี้ ธนาคารกลางจีนได้ประกาศเพิ่มเพดานกันสำรองเงินฝากของธนาคารพาณิชย์อีก 0.50% มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ.นี้เป็นต้นไป โดยมีเป้าหมายที่จะควบคุมภาวะเงินเฟ้อและชะลอความร้อนแรงของเศรษฐกิจ
การประกาศเพิ่มเพดานสำรองเงินฝากครั้งล่าสุดนับเป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้ และยังมีขึ้นเพียง 10 วันหลังจากที่ธนาคารกลางจีนได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินฝากและเงินกู้อีก 0.25%
และถึงแม้ว่าสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางจะทวีความรุนแรงมากขึ้น แต่ดัชนีดาวโจนส์ก็ได้รับปัจจัยหนุนให้สามารถปรับตัวสูงขึ้นจนถึงช่วงปิดตลาด โดยเฉพาะหุ้นแคทเทอร์พิลลาร์ที่พุ่งขึ้น หลังบริษัทเปิดเผยยอดขายทั่วโลกในเดือนมกราคมที่เพิ่ทขึ้นถึง 49% จากปีก่อน
แคทเทอพิลลาร์ อิงค์ ผู้ผลิตอุปกรณ์เหมืองและก่อสร้างรายใหญ่สุดของโลก บวก 1.5% ซึ่งดีสุดในบรรดาหุ้น 30 ตัวที่เป็นองค์ประกอบของดัชนีดาวโจนส์ ขณะที่ไฟเซอร์ อิงค์ บริษัทผู้ผลิตยา ร่วงลงมากสุดที่ 1%
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มโลหะถูกแรงขายกดดันให้ร่วงลง หลังจากที่จีนประกาศเดินหน้ามาตรการคุมเข้มล่าสุด
หุ้นแคมป์เบล ซุป ผู้ผลิตและจำหน่ายซุป ร่วง 5% หลังจากที่บริษัทเปิดเผยว่า กำไรลดลง 8% ในไตรมาสที่ผ่านมา และยังได้ปรับลดแนวโน้มตลอดปีงบการเงินที่เหลือ
อินทุยท์ อิงค์ ผู้ให้บริการโซลูชั่นการธนาคารออนไลน์ ภาษี และการบริหารจัดการทางการเงิน พุ่ง 8% หลังบริษัทยกระดับคาดการณ์ผลประกอบการตลาดทั้งปี
ในขณะเดียวกัน รัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางจากกลุ่มประเทศจี20 ได้ประชุมกันที่กรุงปารีส เพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นต่างๆที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก โดยนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ ได้กล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมว่า ประเทศที่มียอดเกิดดุลการค้าจำนวนมากควรปล่อยให้สกุลเงินของตนแข็งค่าขึ้นเพื่อช่วยเศรษฐกิจโลก ซึ่งเป็นการอ้างอิงถึงจีน และกล่าวด้วยว่า ประเทศที่มีดุลการค้าขนาดใหญ่ ซึ่งสื่อถึงสหรัฐอเมริกา จะต้องลดการใช้จ่ายของรัฐลงอย่างต่อเนื่อง