หุ้น LPN เปิดบวก 1.69% มาอยู่ที่ 9.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท มูลค่าซื้อขาย 20.75 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.00 น. โดยเปิดตลาดที่ 9.00 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 9.00 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 8.95 บาท
บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะนำ"ซื้อ"หุ้นบมจ.แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์(LPN)ราคาพื้นฐาน 11.7 บาท เนื่องจากได้รายงานกำไรงวด 4Q53 ที่ 570 ล้านบาท (+176%YoY, +95%QoQ) สูงกว่าประมาณการ 10.7% และสูงกว่า Consensus 8.5% เนื่องจากรายได้ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง (+69%YoY, +97%QoQ) และ Gross Margin ที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้กำไรปี 53 อยู่ที่ 1,637 ล้านบาท (+9%YoY)
นอกจากนี้ LPN ยังมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมี อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 0.11 เท่า มองว่าด้วยอัตราส่วนดังกล่าวที่อยู่ในระดับต่ำจะเป็นโอกาสสำหรับ LPN ในการขยายการลงทุนและสร้างการเติบโตของผลประกอบการให้แก่ LPN ในอนาคตขณะเดียวกัน ROE ของ LPN อยู่ที่ 27.9% ซึ่งแข็งแกร่งกว่าคู่แข่งในกลุ่มพัฒนาอสังหาฯ ด้วยกัน อีกทั้งยังมีเงินปันผลงวดผลประกอบการ 2H53 จำนวน 0.38 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield 4.3% (XD วันที่ 1 มี.ค.54)
ด้านบล.ธนชาต ก็ยังคงแนะนำ “ซื้อ" LPN จัดเป็นหุ้น Top Pick เนื่องจากมีการเติบโตที่แน่นอน, มีอัตราการเติบโตของกำไรที่สูง, ซื้อขายที่ PE ปี 2011F ที่ถูกที่ 6.9 เท่า และให้ dividend yield ที่ 7.2%
LPN รายงานกำไรดีกว่าคาดที่ 1.64 พันลบ. สูงกว่าที่เราและตลาดคาด 6% เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นที่แข็งแกร่งกว่าคาดในช่วง 4Q10 โดยกำไรงวด 4Q10 มีจำนวน 570 ลบ. เพิ่มขึ้นราว 176%y-y และ 94%q-q ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาตั้งแต่ก่อนตั้งบริษัทฯ ยอดขายรวมเพิ่มขึ้น 69%y-y และ 97%q-q มาอยู่ที่ 3.6 พันลบ. ยอดขายโครงการคอนโดส่วนใหญ่ในช่วง 4Q10 มาจากโครงการลุมพินี วิลล์ ลาดพร้าว-โชคชัย 4 และลุมพินี เพลส พระราม 9-รัชดา เฟส 2 ซึ่งคิดเป็น 26% และ 14% ของยอดขายอสังหาริมทรัพย์ อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับที่เหนือความคาดหมายของเราที่ 35.5% ยังคงรักษาระดับที่สูงที่ 35.6% อย่างในช่วง 3Q10 ไว้ได้
นอกจากนี้ ยังได้ประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับการดำเนินงานครึ่งปีหลังของปี 2010 จำนวน 0.38 บาท/หุ้น (สูงกว่าที่คาดไว้ที่ 0.35 บาท/หุ้น) ซึ่งเท่ากับ yield ที่ 4.3% (เฉพาะผลการดำเนินงานงวด 2H10 เท่านั้น)
ด้านบล.โกลเบล็ก แนะ"ซื้อ"หุ้น LPN ภายหลังจากที่ได้รายงานกำไรสุทธิปี 53 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,637 ล้านบาทขยายตัว 11% จากปี 52 ซึ่งคาดว่ากำไรสุทธิปี 54 มีโอกาสเติบโตต่ออีก 20% เป็น 1,881 ล้านบาท โดยประมาณการรายได้ปี 54 มียอดขายรองรับแล้วเกือบทั้งหมดจากจุดแข็งในการพัฒนาคอนโดมิเนียมสำหรับลูกค้าระดับกลาง-ล่างในราคาที่แข่งขันได้ ทั้งนี้การถือหุ้นระยะยาวให้ผลตอบแทนเงินปันผลราว 7-8% ต่อปี พร้อมให้ราคาเป้าหมาย 13 บาท
ปัจจุบันมียอดขายรอโอน(backlog) 14,415 ล้านบาทซึ่งจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ 11,513 ล้านบาทที่เหลืออีก 2.9 พันล้านบาทจะรับรู้ในปี 55 ทั้งนี้โครงการที่มีกำหนดโอนในปีนี้มี 6 โครงการมูลค่ารวมเกือบ 1.2 หมื่นล้านบาท ได้แก่ ลุมพินี คอนโดทาวน์ รามอินทรา-นวมินทร์ (อาคาร D) ลุมพินี เพลส รัชโยธิน ลุมพินี พาร์ค-ปิ่นเกล้า ลุมพินี เพลส พระราม 4-กล้วยน้ำไท และลุมพินี คอนโดทาวน์ นิด้า-เสรีไทยขายหมดแล้ว ส่วนลุมพินี เพลส-พระราม 9 (เฟส 2) (ขายแล้ว 90%)
ทำให้ปรับคาดรายได้ปี 54 เพิ่มขึ้น 8% เป็น 11,634 ล้านบาท ซึ่งเติบโต 20%YoY โดยมี backlog รองรับเกือบ 100% ส่วนประมาณการกำไรสุทธิใหม่เพิ่มขึ้นจาก 1,747 ล้านบาทเป็น 1,881 ล้านบาท