บลจ.ไอเอ็นจี ออกกองทุนไทย อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10%(3) หลังนลท.จองซื้อล้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 21, 2011 14:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายต่อ อินทวิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายธุรกิจกองทุนและที่ปรึกษาการลงทุน บลจ. ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า บริษัทออก“กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ ทริกเกอร์ (3)"เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า โดยเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 23 ก.พ.-3 มี.ค.54 จองซื้อขั้นต่ำ 2,000 บาท

การออกกองทุนดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่บริษัทได้ออกและเสนอขายหน่วยลงทุนของ กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10% (2) มูลค่า 1,000 ล้านบาท ในระหว่างวันที่ 8-15 ก.พ.54 ปรากฏว่าได้รับกระแสตอบรับจากนักลงทุนอย่างคึกคัก จนทำให้กองทุนดังกล่าวสามารถปิดการขายด้วยการยอดขายที่สูงจนเต็มมูลค่าโครงการเพียง 4 วันและยัง มีลูกค้าจำนวนหนึ่งพลาดโอกาสในการลงทุน

สำหรับกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ ทริกเกอร์ (3) มีนโยบายลงทุนในหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยจะเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง มีผลประกอบการดี มีแนวโน้มการเติบโตสูง และการใช้เทคนิคเรื่องการจับจังหวะที่เหมาะสมในการเข้า-ออกตลาด เพื่อสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนตามเป้าหมาย

เมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนสุทธิ(NAV)เพิ่มขึ้นจากราคาเสนอขายครั้งแรกที่ 10 บาท ไปอยู่ที่ 11.20 บาทต่อหน่วย ณ วันใดวันหนึ่ง กองทุนก็จะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนทั้งหมดโดยอัตโนมัติ พร้อมเลิกกองทุน แ ละนำเงินค่าขายคืนหน่วยลงทุนไปลงทุนใน กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย แคช แมเนจเม้นท์ ซึ่งเป็นกองทุนรวมที่ลงทุนในตลาดเงิน ที่มีสภาพคล่องสูงสามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ

"เชื่อว่า กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10% (3) จะตอบสนองความต้องการของนักลงทุนได้เป็นอย่างดี หลังจากที่กองที่ 2 ประสบความสำเร็จอย่างมาก ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งมาจากความเชื่อมั่นที่บริษัทสามารถสร้างผลงานที่ดี" นายต่อ กล่าว

นายต่อ กล่าวด้วยว่า ช่วงที่ผ่านมาภาวะตลาดหุ้นไทยเป็นไปอย่างผันผวน โดยดัชนีมีการปรับตัวขึ้นลงอย่างรุนแรงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา น่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนกองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 10% (3) เนื่องจากกองทุนประเภทนี้จะเหมาะกับตลาดที่มีความผันผวน ด้วยเทคนิคการจับจังหวะการลงทุน (Market Timing)

ทั้งนี้ ผู้จัดการกองทุนจะหาช่วงเวลาที่ดีในการซื้อขายหุ้นเพื่อทำกำไรเป็นรอบ แม้ดัชนีจะมีการแกว่งตัวอยู่ในกรอบจำกัดก็ตาม ขณะที่เทคนิคการคัดเลือกและการให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการดี (Stock Selection) ก็จะส่งผลให้การปรับขึ้นของมูลค่าหน่วยลงทุนมีมากกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ จึงเชื่อว่าด้วยเทคนิคการบริหารข้างต้นจะทำให้กองทุนมีโอกาสสร้างผลตอบแทนตามเป้าหมายได้

นอกจากนี้ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเห็นได้ว่า มีแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติจนทำให้มีสถานะซื้อสุทธิติดต่อกันถึง 3 วันทำการ แต่แรงซื้อดังกล่าวก็ยังถือว่าไม่มากหากเทียบกับช่วงต้นปีที่ผ่านมาที่นักลงทุนต่างชาติมีการขายออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มองว่าแรงซื้อที่เข้ามาในรอบนี้หากกลับเข้ามาเท่าเดิมก็จะช่วยผลักดันดัชนีให้สามารถปรับตัวขึ้นไปได้ใกล้เคียงหรือมากกว่าจุดสูงสุดเดิมที่เคยทำไว้ได้ ประกอบกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะเติบโตได้ในราว 17%-18% จึงไม่ยากที่จะได้เห็นดัชนีมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็นอีกปัจจัยเสริมที่จะสนับสนุนโอกาสในการสร้างผลตอบแทนของให้เข้าสู่เป้าหมายในระยะเวลาที่ไม่นานนัก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ