นายชลัช ขินธรรมมิตร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจ และสายงานผลิตและเทคนิค บมจ.น้ำตาลขอนแก่น (KSL) กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าในปี54 (สิ้นสุด ต.ค.54) เติบโต 5-10% หลังจากราคาน้ำตาลตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับ ปริมาณผลผลิตอ้อยจะสูงขึ้น โดยคาดว่าปีนี้จะมีจำนวน 74 ล้านตันอ้อย จากปี 53 ที่มีจำนวน 68 ล้านตันด้อย ขณะที่โรงงานบ่อพลอย เฟส 2 จะเริ่มการผลิตในปีนี้
ส่วนผลประกอบการในไตรมาส 1/54 (พ.ย.53-ม.ค.54) คาดว่าจะพลิกกลับมามีกำไรได้ และคาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 2 และ 3 จะเติบโตขึ้นมาก จากการรับรู้รายได้จากการส่งออกน้ำตาล ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการส่งออก 65% และในประเทศ 35% โดยราคาส่งออกสูงกว่าและมีมาริ์จิ้นดีกว่าราคาในประเทศ
นอกจากนี้โรงงานอ้อยและน้ำตาลในลาวและกัมพูชาในปีนี้มีแนวโน้มเติบโตขึ้น คาดว่าปริมาณผลผลิตอ้อยมากขึ้นเป็น 3 แสนตันอ้อย จาก 1 แสนตันอ้อยในปีก่อน และแนวโน้มราคาขายก็น่าปรับตัวสูงขึ้นด้วย
นายชลัช กล่าวว่า ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่น่าจะกระทบธุรกิจของบริษัท แต่อาจจะกระทบทางจิตวิทยาต่อราคาหุ้น
สำหรับงบลงทุนในงวดปี 53/54 บริษัทตั้งไว้จำนวน 1.5 พันล้านบาทใช้ในการขยายโรงงานบ่อพลอย เฟส 2 และบริษัทมีแผนระยะยาวจะเพิ่มกำลังการผลิต โดยได้รับใบอนุญาตก่อสร้างโรงงานผลิตน้ำตาลและผลิตไฟฟ้าที่ จ.สระแก้ว และ จ.เลย แต่อยู่ระหว่างตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA)คาดว่าจะสามารถจะเดินเครื่องได้ในปลายปี 57
ส่วนธุรกิจเอทานอล มองว่าในปี 54 จะมียอดขายทรงตัวจากปีก่อนที่มียอดขาย 20 กว่าล้านบาท เนื่องจากราคากากน้ำตาลหรือโมลาส ปรับตัวสูงขึ้น แต่ราคาเอทานอลไม่ได้ปรับขึ้นตามกลไกตลาด โดยขายอยู่ 23-24 บาท/ลิตร