(เพิ่มเติม) PTTEP คงแผนออกหุ้นกู้ 700 ล้านเหรียญฯช่วงมี.ค.-เม.ย.แม้มูดี้ส์ลดเครดิต

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 22, 2011 12:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางเพ็ญจันทร์ จริเกษม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานการเงินและบัญชี บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP) กล่าวว่า บริษัทยืนยันแผนการออกและเสนอขายหุ้นกู้สกุลต่างประเทศวงเงิน 700 ล้านเหรียญสหรัฐ อายุ 5-10 ปีในช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย.นี้ แม้ว่าล่าสุดจะสถาบันจัดดันดับมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือลงสู่ระดับ Baa1 จากเดิมที่ A3 เพราะเชื่อว่าไม่มีผลกระทบ เนื่องจากอันดับลงมาอยู่เท่ากับเครดิตของประเทศไทย

บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาการระดมเงินทุนเพิ่มเติม เพื่อรองรับการลงทุนในอนาคตที่จะต้องใช้เงินลงทุนจำนวณมาก โดยศึกษาการออก Medium Term Note วงเงิน 1 แสนล้านบาท

ด้านนายอนันต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTTEP กล่าวว่า เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในแอฟริกาและตะวันออกกลางขณะนี้ ไม่ได้กระทบต่อธุรกิจของบริษัทที่มีในพื้นที่ดังกล่าวมากนัก เนื่องจากส่วนใหญ่ยังอยู่ในขั้นตอนการสำรวจเท่านั้น และขณะนี้ได้มีการอพยพคนงานออกมาในอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัยแล้ว แต่สถานการณ์ดังกล่าวกลับส่งผลดีต่อบริษัทในแง่ที่ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น และราคาน้ำมันล่วงหน้าสูงขึ้นไปมากกว่า 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลแล้ว

อีกทั้งปีนี้บริษัทยังมั่นใจว่าปริมาณขายปิโตรเลียมจะทำได้ตามเป้าหมายที่ 2.73 แสนบาร์เรล/วัน แม้ว่าขณะนี้จะยังไม่สามารถยืนยันกำหนดวันชัดเจนว่าแหล่งมอนทาร่าจะเริ่มผลิตได้เมื่อใด หลังจากได้รับอนุญาตจากรัฐบาลออสเตรเลียเพื่อดำเนินโครงการดังกล่าวต่อได้ แต่ยังต้องใช้เวลาดำเนินการตามแผนงานที่ได้นำเสนอต่อรัฐบาลอย่างจริงจังเพื่อให้เป็นที่พอใจ ทั้งด้านการเปลี่ยนแปลงระบบจัดการ วัฒนธรรมการทำงาน และเพิ่มความปลอดภัยในโครงการให้สูงมากขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับรัฐบาลออสเตรเลีย มากกว่าจะรีบเร่งผลิตตามแผนที่กำหนดไว้ในระดับ 3.5 หมื่นบาร์เรล/วัน

สำหรับผลผลิตปิโตรเลียมจากโครงการสำคัญที่เข้ามาในปีนี้ ได้แก่ โครงการ S-1, โครงการ MJDA, โครงการเวียดนาม 16-1

ส่วนการเจรจากับทางการอินโดนีเซียที่ต้องการเรียกร้องค่าเสียหายจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลจากแหล่งมอนทาร่านั้น ขณะนี้มีทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งบริษัทพร้อมจะเจรจาบนพื้นฐานข้อมูลเดียวกัน แต่ไม่ใช่เรียกค่าเสียหายสูงเกินเหตุถึง 2.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ