SMT ตั้งเป้าปี 54 กำไรโต 35% ตั้งงบลงทุน 345 ลบ.ขยายกำลังผลิต

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 22, 2011 13:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพลศักดิ์ เลิศพุฒิภิญโญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สตาร์ส ไมโคร อิเล็กทรอนิกส์(ประเทศไทย) (SMT)กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ากำไรสุทธิในปี 54 เติบโต 35% จากปี 53 ที่มีกำไรสุทธิ 530 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตมาจากธุรกิจผลิตชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์ที่เป็นธุรกิจหลักของบริษัท

ในปีนี้คาดว่าสินค้าหลักทั้งแผงวงจรทัชสกรีนสำหรับโทรศัพท์สมาร์ทโฟนยังคงมีแนวโน้มการเติบโตสูงตามการขยายตัวของตลาดสมาร์ทโฟน คาดว่าปีนี้ตลาดโลกจะมียอดขาย 500 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มียอดขาย 293 ล้านเครื่อง

สำหรับสินค้า Sensor TPMS วัดลมล้อยาง ก็มีแนวโน้มเติบโต ทั้งตลาดรถยนต์ในสหรัฐที่มีการบังคับใช้อุปกรณ์ดังกล่าวไปเมื่อ ก.ย.52 ส่วนตลาดในยุโรปก็เชื่อว่าจะขยายตัวก้าวกระโดด เนื่องจากประเทศเครือสหภาพยุโรปบังคับใช้อุปกรณ์ดังกล่าวในรถยนต์ใหม่ทุกคัน มีผลช่วงปลายปี 55 เป็นต้นไป ปัจจุบันบริษัทก็ได้รับคำสั่งซื้อเข้ามาแล้ว ขณะที่สินค้าใหม่ที่ออกจำหน่ายในปีนี้คือ Chip RFID ก็มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง โดยคาดว่าคำสั่งซื้อในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

และบริษัทจะมีการรับรู้รายได้จากธุรกิจใหม่เป็นโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ขนาดเล็กแบบครบวงจร กำลังการผลิตต่ำกว่า 10 เมกะวัตต์ บริษัทคาดว่าจะเดินเครื่องเชิงพาณิชย์และรับรู้รายได้ช่วงปลายปี 54 และภายในปี 55 จะมีกำไรจากโรงไฟฟ้าดังกล่าวประมาณ 100 ล้านบาท

อนึ่ง โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เฟสแรกขนาด 10 เมกะวัตต์ อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัท เอสเอ็มที กรีน เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (SMT GE) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ SMT โดยใช้เงินลงทุนจากการขายหุ้นเพิ่มทุน SMT จำนวน 46.13 ล้านหุ้น คาดว่าจะช่วยสร้างกำไรเพิ่มขึ้นอีกเฟสละ 15-20% และคาดว่าภายในอีก 3-5 ปีข้างหน้าธุรกิจพลังงานทดแทนจะมีสัดส่วนเป็น 30% ของรายได้รวมของบริษัท

นายพลศักดิ์ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุน 345 ล้านบาท ใช้เพื่อขยายกำลังการผลิตสินค้าของบริษัท แบ่งเป็น การเพิ่มกำลังการผลิตสินค้าอุปกรณ์โทรศัพท์สมาร์ทโฟนอีก 80% ลงทุน 50 ล้านบาท ขยายการผลิต Sensor TPMS วัดลมล้อยาง อีก 100% ลงทุน 45 ล้านบาท และ ขยายการผลิต Chip RFID อีก 300% ลงทุน 150 ล้านบาท ที่เหลือจะใช้ในธุรกิจสินค้า IC เพื่อขยายการผลิต 40% ลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท

ปัจจุบัน สัดส่วนรายได้ของบริษัทมาจากชิ้นส่วนไมโครอิเล็คทรอนิกส์ 42% แผงวงจรไฟฟ้ารวม 34% ชิ้นส่วน HDD 24% ซึ่งในอนาคตคาดว่าชิ้นส่วน HDD จะมีสัดส่วนลดลงเรื่อย ๆ ขณะที่อีก 2 ตัวจะเพิ่มขึ้น เพราะมีมาร์จิ้นดีและเป็นที่ต้องการขอองตลาด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ