(เพิ่มเติม) DRT ตั้งเป้าปี 54 ยอดขายโต 10%จาก 3.3 พันลบ.ปี 53 รับรู้ฯ การผลิตใหม่

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 22, 2011 14:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอัศนี ชันทอง กรรมการผู้จัดการ บมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร(DRT) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าปี 54 ยอดขายโต 10% จากปี 53 ที่มีรายได้ 3.3 พันล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการรับรู้รายได้จากสายการผลิต NT 9 ซึ่งเน้นผลิตภัณฑ์ทดแทนไม้ คาดว่าจะสร้างรายได้ประมาณ 500 ล้านบาทในปีนี้ แต่ในแง่กำไรปีนี้คาดว่าจะยังคงเติบโต แต่ไม่น่าจะเกิน 5% ชะลอลงจากปี 53 ที่มีอัตราเติบโต 20% เนื่องจากมีภาระต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น

"ปีนี้ทั้งรายได้และกำไรน่าจะทำสถิติสูงสุดใหม่ได้ จากที่ประมาณการตลาดกระเบื้องหลังคาปีนี้จะโตไม่ต่ำกว่า 10% อย่าง 2 เดือน ม.ค.-ก.พ.ตลาดก็โตกว่างวดเดียวกันปี 53 แล้ว เพราะตลาดต่างจังหวัดยังโตอยู่ ในเมืองก็เยอะขึ้น"นายอัศนี กล่าว

อนึ่ง รายได้ของบริษัทมีสัดส่วนมาจากเป็นกระเบื้องหลังคา 80% ไม้สังเคราะห์ 20% แต่ในอนาคตอันใกล้จะสัดส่วนจะเปลี่ยนเป็นหลังคา 60% ไม้สังเคราะห์ 40% เพราะอัตรากำไรเฉลี่ยของกระเบื้องหลังคาอยู่ที่กว่า 30% ขณะที่ไม้สังเคราะห์อยู่ที่ 35-40%

นายอัศนี กล่าวว่า ตั้งแต่ ม.ค.54 บริษัทได้ปรับราคาขายสินค้าโดยเฉลี่ยขึ้นมา 5-7% ตามต้นทุนปูนซิเมนต์ที่ปรับขึ้น และด้วยภาพรวมธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคปรับสูงขึ้น

บริษัทเตรียมงบลงทุนไว้ 500 ล้านบาท แบ่งเป็น 400 ล้านบาทเพื่อขยายสายการผลิตผลิตที่ 10 ส่วนอีก 100 ล้านบาทใช้ซื้อเครื่องจักร หลังจากลงทุนเพิ่มเติมอีก 50 ล้านบาทเพื่อขยายกำลังการผลิตกระเบื้องคอนกรีตอีก 20% ซึ่งจะเข้ามาช่วยเพิ่มยอดขายประมาณ 100 ล้านบาท ขณะที่การลงทุนขยายสายการผลิตที่ 10 ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ไม้ฝา คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2/55 จากนั้นจะรับรู้รายได้เต็มที่ในปี 56

"บริษัทอยู่ระหว่างหาซื้อที่เพิ่มเพราะปัจจุบันโรงงานเดิมพื้นที่เต็มหมดแล้ว บริษัทก็มีแลนด์แบงก์อยู่แต่คงต้องทบทวนเพราะต้องดูคอนเซปต์ของตลาดว่าใหญ่หรือเปล่า ช่วยลดต้นทุนขนส่งมากน้อยแค่ไหน คาดว่าปีนี้น่าจะตัดสินใจได้"นายอัศนี กล่าว

ล่าสุด บริษัทเพิ่งเปิดตัวสินค้าใหม่ 3 รายการ ได้แก่ โครงหลังคาสำเร็จรูปตราเพชร ยิปซั่มตราเพชร และแผงไม้บังตาสำเร็จรูป ซึ่งได้รับความสนใจอย่างดี คาดว่าจะทำรายได้เพิ่มประมาณ 60 ล้านบาท/ปี

และในปี 54 บริษัทมีแผนจะขยายการส่งออกสินค้ามากขึ้นเพื่อรักษาสัดส่วนส่งออกไว้ที่ 10% ของยอดขายทั้งหมด ซึ่งปีนี้มองว่าประเทศพม่ามีโอกาสที่ดีในการเข้าทำตลาด เพราะมีศักยภาพในการส่งออกมากที่สุด หลังจากผ่านการเลือกตั้งไปได้โดยไม่มีความรุนแรง รวมทั้งจะมีการขยายตลาดในเวียดนาม จีน ฟิลิปปินส์ ลาว และกัมพูชา

ทั้งนี้ กัมพูชาเป็นตลาดที่มีอยู่แล้ว และไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา เพราะบริษัทส่งสินค้าไปจำหน่ายผ่านทางโรงเกลือ ด่านชายแดนอรัญประเทศที่ยังค้าขายได้ตามปกติ ประกอบกับสัดส่วนที่ส่งไปขายในกัมพูชาอยู่ที่ 1.2% เท่านั้น ถือว่าไม่มาก และในปีนี้บริษัทก็จะหาตลาดเพื่อนบ้านอื่น ๆ เข้ามาเพิ่มด้วย นายอัศนี เปิดเผยอีกว่า สัปดาห์หน้าบริษัทจะมีการประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่อเสนอวาระการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลครึ่งหลังปี 53 ถ้าได้รับอนุมัติคงจะประกาศสัปดาห์หน้า ซึ่งบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 50% แต่ที่ผ่านมาจ่ายเฉลี่ย 70% ของกำไรสุทธิ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ