นายคเณศ ขาวจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์(TPC) เปิดเผยว่า ในปี 54 บริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโต 10-13% จากปีก่อนที่มีรายได้ 2.9 หมื่นล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีกำลังการผลิตพีวีซีและอีดีซีเพิ่มขึ้น โดยกำลังการผลิตรวมจะเพิ่มขึ้นอีก 9 หมื่นตัน จากปัจจุบันอยู่ที่ 7.3-7.4 แสนตัน/ปี
แต่การที่บริษัทมีการรับรู้รายได้เป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ได้รับผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่า ซึ่งในปีนี้คาดว่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 29 บาท/ดอลลาร์ จากปีก่อนเฉลี่ยอยู่ที่ 31 บาท/ดอลลาร์
สำหรับทิศทางราคาพีวีซีในปีนี้มองแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยจะมีราคาสูงกว่า 1,000 ดอลลาร์/ตัน จากเดิมที่มีราคาอยู่ที่ 950 ดอลลาร์/ตัน และแนวโน้มมีโอกาสที่ราคาจะปรับเพิ่มอยู่ที่ 1,100 ดอลลาร์/ตันตามราคาปิโตรเคมีอื่นๆ ที่ปรับเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้บริษัทมีแผนจะเข้าไปลงทุนเพิ่มเติมในประเทศพม่าในธุรกิจผลิตท่อพีวีซี คาดว่าใช้เงินลงทุนประมาณ 10-50 ล้านบาท โดยจะมีการตั้งบริษัทลูกดำเนินการลงทุนในปีนี้ ขณะเดียวกันขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรร่วมทุน คาดว่าใช้เวลาก่อสร้าง 1 ปี -1 ปี 6 เดือน
ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาการซื้อกิจการ-ควบรวมกิจการ ในธุรกิจ down stream ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจพีวีซี-ผลิตท่อพีวีซี โดยจะเป็นการลงทุนในประเทศไทยและอาเซียน มีมูลค่าการลงทุนประมาณ 1 พันล้านบาท
นายคเณศ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนจาก บมจ.ปูนซีเมนต์ไทย (SCG) เกี่ยวกับนำหุ้น TPC ออกจากตลาดหลักทรัพย์หรือไม่ ส่วนหุ้น บมจ.ปตท.เคมีคอล(PTTCH)ที่ถืออยู่ 4 ล้านหุ้น ยังหาจังหวะ โดยราคาที่เหมาะสมจะขายออกควรอยู่ที่ 180 บาท/หุ้น