นายพนม ควรสถาพร กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอเชีย กรีน เอนเนอจี (AGE) กล่าวว่า บริษัทคาดว่ายอดขายถ่านหินในปีนี้จะทำได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ในเบื้องต้นที่ 4.2 พันล้านบาท เติบโต 50% จากปีก่อน เนื่องจากในช่วงไตรมาส 1/54 ยอดขายเติบโตเกิน 50% จากช่วงเดียวกันปีก่อนแล้ว ทั้งจากยอดขายในประเทศและการส่งออกไปยังประเทศจีน โดยปีนี้ตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายในประเทศ 20% และยอดส่งออกไปจีน 30%
"ไตรมาส 1/54 ออกมาดีเห็นจากยอดขาย ออร์เดอร์ที่ขายแล้ว ส่งออกจีนก็ดีโดย 2 เดือนที่ผ่านมาส่งไปจีนเดือนละ 4-8 หมื่นตันแล้ว ปีนี้คาดว่ายอดขายไม่น่าจะต่ำกว่าประมาณการไว้"นายพนม กล่าว
บริษัทคาดว่าอัตรากำไรสุทธิ(Net profit margin) ปี 54 คาดว่าจะเพิ่มเป็น 5.5% จากปีก่อนที่ 4.5% เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการส่งออกไม่เพิ่มขึ้น และแนวโน้มราคาถ่านหินในตลาดโลกเป็นขาขึ้น คาดว่าปีนี้ราคาไม่น่าจะต่ำกว่า 100 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน จากปัจจุบันอยู่ที่ 127 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน รับปัจจัยบวกจากความต้องการถ่านหินในจีนที่ยังมีสูงมาก โดยเฉพาะโรงไฟฟ้า
นายพนม กล่าวว่า บริษัทเตรียมเงินไว้ 500-1,000 ล้านบาทสำหรับลงทุนในเหมืองถ่านหิน ซึ่งขณะนี้เจรจาอยู่ 3-4 แห่ง ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศอินโดนีเซีย โดยเน้นเหมืองขนาดเล็ก-กลาง ปริมาณถ่านหินสำรอง 10 ล้านตันขึ้นไป แต่ไม่เกิน 50 ล้านตัน โดยเป็นเหมืองที่เปิดดำเนินการแล้ว
"ถ้าจะเข้าไปลงทุนจะต้องเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 50-80% ภายใต้เงื่อนไขขอสิทธิในการขายทั้งหมด ภายในปีนี้อยากจะได้สัก 1 เหมืองก่อน และนโยบายใน 3 ปีข้างหน้า อยากจะได้เพิ่มอีกปีละ 1 แห่ง ซึ่งถ้าการซื้อเหมือง success ยอดขายที่ตั้งใน 5 ปี 10,000 ล้านบาท ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะทำได้เร็วกว่านั้น เพราะถ้าซื้อเหมืองใหม่คาดว่ายอดขายแต่ละเหมืองเพิ่มปีละ 2,000 ล้านบาท"นายพนม กล่าว
สำหรับเงินลงทุนที่จะซื้อเหมือง เนื่องจากเป็นเงินก้อนใหญ่คงต้องจัดหาในหลายรูปแบบ เช่น ออกตราสารทุน ตราสารหนี้ เพราะหากรอจากกำไรสะสมคงไม่เพียงพอ แต่การพิจารณาหาแหล่งเงินจะต้องรักษาสัดส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E)ไว้ไม่ให้เกิน 2 เท่าเศษ ส่วนโอกาสเพิ่มทุนในช่วง 3 ปีข้างหน้าพอจะมีอยู่ แต่ก็ขึ้นอยู่กับตัวแปรหลายอย่าง
นายพนม ยังเปิดเผยอีกว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาความเหมาะสมโครงการก่อสร้างท่าเรือและคลังสินค้าที่ จ.อยุธยา คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 1/54 และจะดำเนินการขอรับการส่งเสริมการลงทุน โดยคาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในไตรมาส 2/55 จากก่อนหน้าได้ลงนามสัญญาโครงการก่อสร้างท่าเรือและคลังสินค้า ในจ.สมุทรสาครไปแล้ว โดยทั้ง 2 โครงการมูลค่ารวมกัน 1,000 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 โครงการนี้จะช่วยลดต้นทุนได้ประมาณปีละกว่า 100 ล้านบาทในปี 55