ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กวิตกสถานการณ์ลิเบีย ฉุดดาวโจนส์ปิดร่วง 178.46 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 23, 2011 06:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 170 จุดเมื่อคืนนี้ (22 ก.พ.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์ความไม่สงบในลิเบียซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก รวมทั้งราคาบ้านใน 20 เขตเมืองของสหรัฐที่ร่วงลงติดต่อกันนานถึง 6 เดือน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ดิ่งลง 178.46 จุด หรือ 1.44% ปิดที่ 12,212.79 จุด ดัชนี S&P 500 ร่วงลง 27.57 จุด หรือ 2.05% ปิดที่ 1,315.44 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 77.53 จุด หรือ 2.74% ปิดที่ 2,756.42 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.3 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 1 ต่อ 9

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า วิกฤตการณ์ทางการเมืองในตะวันออกกลางและลิเบียส่งผลให้ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก โดยเฉพาะเหตุการณ์จลาจลในลิเบียซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก หลังจากนายมูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย ยืนกรานว่าจะไม่ยอมลงจากตำแหน่งและจะต่อสู้กับกลุ่มผู้ประท้วงจนหมดกระสุนนัดสุดท้าย

เหตุการณ์รุนแรงในลิเบียส่งผลให้สันนิบาตอาหรับประกาศจัดการประชุมนัดฉุกเฉินในช่วงบ่ายวานนี้ที่กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ความรุนแรงในประเทศลิเบีย ซึ่งเป็นเวลาใกล้เคียงกับที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจะประชุมเพื่อหารือเรื่องลิเบียในกรุงนิวยอร์ก

นอกจากนี้ ประเทศต่างๆในยุโรปได้ส่งเครื่องบินและเรือไปยังลิเบียเพื่ออพยพประชาชนที่ยังติดค้างอยู่ในประเทศลิเบีย ขณะที่บริษัทน้ำมันหลายแห่งของยุโรป รวมถึง รอยัล ดัทช์ เชลล์, บีพี, วินเตอร์แชลล์ และ Eni ได้เริ่มอพยพพนักงานต่างชาติออกจากพื้นที่และระงับการผลิตชั่วคราว เนื่องจากเหตุการณ์ประท้วงต่อต้านรัฐบาลในลิเบียได้ทวีความรุนแรงจนทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กผันผวนมากขึ้นเมื่อสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาบ้านใน 20 เขตเมืองของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงนิวยอร์ก ไมอามี และบอสตัน ประจำเดือนธ.ค.ปี 2553 ปรับตัวลดลง 0.4% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 6 เดือน ส่วนดัชนีราคาบ้านในไตรมาส 4 ปี 2553 ร่วงลง 3.9% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 และปรับตัวลง 4.1% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2552

วิกฤตการณ์ทางการเมืองในลิเบียและกลุ่มประเทศตะวันออกกลางส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX พุ่งขึ้น และฉุดหุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลง โดยหุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ส หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ส หุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล โฮลดิ้งส และหุ้นยูเอส แอร์เวย์ส กรุ๊ป ปิดร่วงลงกว่า 5%

อย่างไรก็ตาม การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเชฟรอน คอร์ป ปิดพุ่ง 1.6% หุ้นเอ็กซอนโมบิลปิดบวก 1%

นักลงทุนจับตาดูการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะรายงานยอดขายบ้านมือสองเดือนม.ค. วันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนม.ค., กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโกจะเปิดเผยดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนม.ค., กระทรวงพาณิชย์จะรายงานยอดขายบ้านใหม่เดือนม.ค. และสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์

ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยการประมาณการตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 4/2553 ครั้งที่ 2 และมหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนก.พ.-


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ