ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วง เหตุวิตกสถานการณ์รุนแรงในลิเบีย

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 23, 2011 08:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (22 ก.พ.) ทำสถิติปรับตัวลงติดต่อกัน 3 วันทำการ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์รุนแรงในลิเบีย หลังจากเกิดการปะทะกันระหว่างกองกำลังทหารและกลุ่มผู้ต่อต้านพันเอกมูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย จนนำไปสู่เหตุการณ์นองเลือดที่มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปรับตัวลง 3.46 จุด หรือ 0.05% ปิดที่ 7,318.35 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 7,259.67-7,350.95 จุด

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นอังกฤษ ร่วงลง 18.04 จุด หรือ 0.3% ปิดที่ 5,996.76 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,926.55-6,028.56 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสร่วงลง 47.14 จุด หรือ 1.15% ปิดที่ 4,050.27 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 4,026.01-4,078.87 จุด

ดัชนี FTSEurofirst 300 ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มบลูชิพในตลาดยุโรปปิดร่วงลง 6.81 จุด หรือ 0.58% แตะที่ 1,164.60 จุด

ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 0.6% แตะที่ 285.38 จุด

ตลาดหุ้นยุโรปได้รับผลกระทบจากความตื่นตระหนกของเหตุการณ์รุนแรงในลิเบีย โดยพันเอกกัดดาฟี ผู้นำลิเบีย ยืนกรานว่าจะไม่ยอมลงจากตำแหน่ง พร้อมกับปลุกระดมให้กลุ่มผู้สนับสนุนเดินหน้าโจมตีกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 300 คนในขณะนี้

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังถูกกดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางยุโรปอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากนายฌอง-คล้อด ทริเชต์ ประธานอีซีบีได้แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อในยูโรโซนที่พุ่งขึ้นแตะระดับ 2.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี และสูงกว่าเป้าหมายของอีซีบีที่กำหนดอัตราเงินเฟ้อไว้ต่ำกว่า 2%

หุ้นสายการบิน แอร์ ฟรานซ์-เคแอลเอ็ม ร่วงลง 3% เนื่องจากสถานการณ์รุนแรงในลิเบียส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี

หุ้นยูนิเครดิต เอสพีเอ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่สุดของอิตาลี ปิดร่วงลง 1.8% หุ้นอิมเพรกิโล เอสพีเอ ซึ่งเป็นบริษัทก่อสร้างรายใหญ่สุดของอิตาลีปิดร่วงลง 2.1%

หุ้นแรนโกลด์ รีซอสเซส ซึ่งเป็นผู้ประกอบการเหมืองทองคำในแอฟริกาตะวันตก ปิดร่วงลง 1.3% หุ้นบีจีปิดลบ 1.3% ขณะที่หุ้นอันโตฟากัสต้าปิดร่วง 1.3%

หุ้นอินฟอร์มาปิดร่วง 2.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้สุทธิปี 2553 ร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 98.9 ล้านปอนด์ หรือ 160 ล้านดอลลาร์ จากปี 2552 ที่ระดับ 105.6 ล้านปอนด์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ