นายศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เอ็ม เอฟ อี ซี (MFEC) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 54 ที่ 3.5 พันล้านบาท หรือเติบโต 20% จากปี 53 ที่มีรายได้ 2.8 พันล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิคาดว่าจะเติบโต 3 เท่า จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 60-70 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 210 ล้านบาท ภายหลังจากบริษัทได้มีการควบรวมกิจการกับ 3 บริษัทที่เป็นผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอที)
สำหรับบริษัททั้ง 3 ได้แก่ บริษัท ซอฟต์สแควร์ กรุ๊ป จำกัด (ผ่านการซื้อและรับโอนกิจการทั้งหมดของบริษัท นอร์ธเทอร์นสตาร์ซอฟต์แวร์ จำกัด (NTS), บริษัท บิสซิเนส แอพพลิเคชั่น จำกัด (BAC) และ บริษัท โมทีฟ เทคโนโลยี จำกัด(มหาชน) (Motif) (ผ่านการซื้อและรับโอนกิจการทั้งหมดของบริษัท เมกัส จำกัด)
การควบรวมครั้งนี้เพื่อเป็นเพิ่มความแข็งแกร่งให้องค์กร รองรับโอกาสทางธุรกิจที่จะเข้ามาในอนาคตอันใกล้ โดยเฉพาะการเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเซียน ซึ่งจะมีการก่อตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียนขึ้นในปี 58 รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมไอทีทั่วโลกที่เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทต้องมีการปรับกลยุทธ์ในการดำเนินงาน โดยทาง MFEC Group จะมุ่งปรับปรุงและพัฒนาองค์กรให้เป็นสถาบันที่เข้มแข็งและมีศักยภาพที่จะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม Software และ IT Service ของประเทศ รวมทั้งพัฒนาบุคคลากรเข้าสู่ตลาดไอทีไม่น้อยกว่า 5,000 คนในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยโครงการควบรวมกิจการดังกล่าวจะนำเสนอให้ผู้ถือหุ้นพิจารณาในวันที่ 25 เม.ย.
"หลังจากบริษัทควบรวมกิจการแล้ว จะช่วยผลักดันให้ยอดขายของ MFEC Group ในปีแรกให้ขยายตัวประมาณ 20% มาอยู่ที่ระดับ 3.5 พันล้านบาทได้สำเร็จ ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นก็จะปรับตัวดีขึ้นมากเช่นกัน พร้อมจะทำให้บริษัทมีกำลังพลที่ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการเติบโตของธุรกิจมากขึ้น และจะสามารถเข้าถึงตลาดได้ครอบคลุมทั่วประเทศ และเตรียมตัวลุยตลาดภูมิภาคได้เต็มรูปแบบ"นายศิริวัฒน์ กล่าว
บริษัทมีมูลค่างานในมือ (backlog) ณ สิ้นปี 53 ที่ 2 พันล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ภายในปีนี้ 1.8 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปีถัดไป และบริษัทมีแผนเข้าประมูลงานใหม่ภายในช่วงครึ่งปีแรกมูลค่ารวมประมาณ 1.2 พันล้านบาท แบ่งเป็นงานของรัฐวิสาหกิจจำนวน 800-900 ล้านบาท และงานของภาคเอกชนประมาณ 300 ล้านบาท ซึ่งบริษัทคาดว่าจะได้รับงานราว 700-800 ร้อยล้านบาท ปัจจุบันสัดส่วนลูกค้าของบริษัทแบ่งเป็น ลูกค้าในธุรกิจโทรคมนาคม 35% ภาครัฐ 25% กลุ่ม banking 20% ที่เหลือเป็นกลุ่มอื่นๆ
"เราไม่เคยมี backlog ระดับ 2 พันมาก่อน ปกติจะอยู่ที่ 800-900 ล้านบาทเท่านั้น ปีที่ผ่านมาแม้จะมีเรื่องกีฬาสีซึ่งก็ทำให้รายได้ช่วงนั้นหายไป แต่ช่วงปลายปีโครงการที่เคยดีเลย์ก็กลับเข้ามา ก็ทำให้มั่นใจว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง"นายศิริวัฒน์ กล่าว
ด้านนายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ หัวหน้าธุรกิจวาณิชธนกิจ บล.ทิสโก้ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ MFEC กล่าวว่า ดีลการควบรวมกิจการในครั้งนี้จะแล้วเสร็จภายในช่วงกลางปีนี้ โดย MFEC จะเริ่มรับรู้รายได้และกำไรของอีก 3 บริษัทเข้ามาในช่วงไตรมาส 3/54 ขณะที่มาร์เก็ตแคปหลังจากควบรวมกิจการจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.3-2.4 พันล้านบาท จากเดิมที่ 1.4-1.5 พันล้านบาท
"หลังจากควบรวมกิจการแล้ว นักลงทุนสถาบันน่าจะสนใจมากขึ้น เพราะมาร์เก็ตแคปใหญ่ขึ้นน่าจะเข้าตานักลงทุนสถาบัน และในช่วงเดือนมี.ค.บริษัทจะไปร่วมงาน Opportunity dayและเดินสายโรด์โชว์เพื่อให้ความรู้กับนักลงทุน"นายประเสริฐ กล่าว