LH BANK ตั้งเป้าปี 54สินเชื่อโต 20% กำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 15% คาด LHFG เข้าเทรดพ.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 23, 2011 19:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางศศิธร พงศธร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เพื่อรายย่อย (LH Bank) คาดว่า ในปี 54 ธนาคารจะมีกำไรหลังหักภาษีไม่ต่ำว่า 15% ขณะสินเชื่อคาดว่าจะเติบโตไม่น้อยกว่า 20% โดยเน้นกลยุทธ์การใช้สาขาในการบุกเบิกและสร้างฐานลูกค้าใหม่มากยิ่งขึ้น ซึ่งสาขาส่วนใหญ่เน้นทำเลที่ตั้งใกล้แหล่งเศรษฐกิจและชุมชน

ปัจจุบันธนาคาร มีสาขาทั้งสิ้น 31 สาขา (รวมสำนักงานใหญ่) แบ่งเป็นสาขาในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล 25 สาขา และในภูมิภาคอีก 6 สาขา และในเดือนมีนาคม ที่จะถึงนี้ ธนาคารจะเปิดให้บริการ 2 สาขา คือ สาขาวรจักร และ สาขาตลาดวโรรส เชียงใหม่ โดยทุกสาขาของธนาคารมีบริการด้านธุรกรรมทางการเงินหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ด้านสินเชื่อธุรกิจ, สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย, ผลิตภัณฑ์ด้านเงินฝาก อาทิ เงินฝากออมทรัพย์พิเศษ ซึ่งปัจจุบันให้อัตราดอกเบี้ยสูงถึง 1.70% ทั้งนี้ธนาคารมีแผนที่จะเปิดสาขาในปี 2554 อีกจำนวน 10-15 สาขา, ปี 55 อีก 14 สาขา และ ปี 56 อีก 20 สาขา ซึ่งจะเปิดสาขาออกสู่ภูมิภาคมากขึ้น เช่น ขอนแก่น อุดรธานี นครราชสีมา พัทยา สุราษฎร์ธานี หาดใหญ่

ปัจจุบันธนาคารมีเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2554 อยู่ไม่น้อยกว่า 31.0% โดยธนาคารเชื่อว่าเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง รวมทั้งการมีระดับของเงินสำรองหนี้สูญที่สูงจะเพียงพอที่จะรองรับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดคิดที่อาจเกิดขึ้นได้ ในขณะที่สภาพเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว ฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่งจะช่วยทำให้ธนาคารสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยืดหยุ่น เพื่อการเติบโตอย่างทันท่วงทีเมื่อโอกาสทางธุรกิจเพิ่มขึ้นในอนาคต

"ในปี 2554 ยังคงมุ่งมั่นที่จะก้าวสู่การเป็นธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบจากการที่ในปัจจุบันธนาคารมีเงินกองทุนชั้นที่ 1 มากกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งทำให้ธนาคารมีคุณสมบัติที่สามารถยื่นขอปรับฐานะเป็นธนาคารพาณิชย์ ต่อธนาคารแห่งประเทศไทย โดยปัจจุบันธนาคารอยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งในราชกิจจานุเบกษา ระบุว่า ธปท.จะให้ความเห็นชอบใน 3 เดือนหลังยื่นแผน จากนั้นจะเป็นการพิจารณาของกระทรวงการคลัง ใช้เวลา 2 เดือน" นางศศิธร กล่าว

หลังจากการยกระดับเป็นธนาคารพาณิชย์แล้ว ธนาคารจะมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 1-1.2% ขณะที่สินทรัพย์เพิ่มเป็น 8.5 หมื่นล้านบาท และเพิ่มเป็น 1.12 แสนล้านบาท และ 1.45 แสนล้านบาทตามลำดับ หรือเติบโต 30-33% ต่อปี

สำหรับแผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ของบมจ. แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของธนาคาร ซึ่งได้แต่งตั้งบริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน โดยจะเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) ในสัดส่วน 14-15% หรือคิดเป็น 1,400 ล้านหุ้นของทุนจดทะเบียน 9,900 ล้านหุ้นในเดือนเม.ย นี้ เพื่อเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และคาดว่าหุ้นของบริษัทจะสามารถเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ ภายในเดือนพ.ค. หรือไม่เกินมิ.ย.นี้

"เรื่องการเข้าตลาดและการยกระดับเป็นธนาคารพาณิชย์เป็นภารกิจปีนี้ หลังจากนั้นจะมองหาพันธมิตร ซึ่งการเข้าตลาดและการยกระดับเป็นธนาคารพาณิชย์จะช่วยทำให้ธนาคารมีกลยุทธ์ในการหาพันธมิตรได้มากขึ้น"

นางศศิธร กล่าวว่า ในช่วง 3 ปี 54-56 จะเดินกลยุทธ์หลังจากยกระดับเป็นธนาคาพาณิชย์ให้ได้ภายใต้ศักยภาพของธนาคารเอง โดยยังคงให้ความสำคัญกับสินเชื่อเคหะ และการขยายตัวของสินเชื่อกลุ่มธุรกิจ หรือ สินเชื่อองค์กร ซึ่งจะทำให้บริษัทมีโอกาสค่อนข้างมาก โดยปัจจุบันธนาคารมีส่วนแบ่งตลาดของระบบที่ปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจเพียง 0.28% อีกทั้งเป็นการเพิ่มโอกาสการลงทุนในหุ้นกู้มากขึ้นด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ