ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (23 ก.พ.) ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 4 วันทำการ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์รุนแรงในลิเบียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ในแอฟริกา หลังจากพันเอกมูอัมมาร์ กัดดาฟี ยืนยันว่าจะใช้กำลังปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีดิ่งลง 123.75 จุด หรือ 1.69% ปิดที่ 7,194.60 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 7,183.30-7,310.73 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสร่วงลง 37.15 จุด หรือ 0.92% ปิดที่ 4,013.12 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 4,007.93-4,061.04 จุด
ดัชนี FTSE 100 ร่วงลง 73.23 จุด หรือ 1.22% ปิดที่ 5,923.53 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,915.52-5,996.76 จุด
ดัชนี FTSEurofirst 300 ร่วงลง 12.56 จุด หรือ 1.08% ปิดที่ 1,152.04 จุด
ดัชนี Stoxx 600 ร่วงลง 1.1% ปิดที่ 282.38 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยพันเอกกัดดาฟียืนกรานว่าจะเดินหน้าปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วง ขณะที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของลิเบียลงสู่ระดับ BBB+ จากเดิม A- เนื่องจากสถานการณ์รุนแรงภายในประเทศส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 300 คน พร้อมกับเตือนว่า S&P อาจจะลดอันดับความน่าเชื่อถือของลิเบียลงอีกในช่วง 3 เดือนข้างหน้า หากสถานการณ์ทวีความรุนแรงขึ้นอีก
หุ้นแอร์ฟรานซ์-เอแอลเอ็ม กรุ๊ป ซึ่งเป็นสายการบินรายใหญ่อันดับสองของยุโรป ร่วงลง 1.4% หลังจากราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้น ขณะที่หุ้นโอเอ็มวี เอจี ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานรายใหญ่ของยุโรปปิดร่วง 5.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่าจะระงับการผลิตชั่วคราวในลิเบีย
หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ปิดร่วง 3.1% หุ้นอันโตฟากัสต้าปิดลบ 5.1% หลังจากราคาโลหะทองแดงในตลาดโลกร่วงลง อันเนื่องมาจากความกังวลที่ว่าเหตุการณ์รุนแรงในแอฟริกาเหนือและตะวันออกกลางจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และอาจทำให้ความต้องการโลหะทองแดงลดน้อยลงด้วย