นางสาวปวีณา เหล่าวิวัฒน์วงศ์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บมจ.สหโมเสค อุตสาหกรรม(UMI)กล่าวว่า ในปี 54 บริษัทตั้งเป้ายอดขาย 2.6 พันล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 7% จากปีก่อน ที่มียอดขาย 2.4 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตใกล้เคียงกับตลาดรวมที่ปีนี้คาดว่าจะเติบโต 7-8% โดยปัจจุบันบริษัทมีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 13% ของตลาดรวมที่มีมูลค่าประมาณกว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่ามาร์เก็ตแชร์จะปรับเพิ่มขึ้น หลังจากกำลังการผลิตใหม่ของบริษัทสามารถเดินเครื่องผลิตได้ในปีหน้า
ขณะที่กำไรสุทธิคาดว่าจะเติบโตไปในทิศทางเดียวกับรายได้ โดยในปีนี้บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์กระเบื้องที่มีมูลค่าเพิ่มสูงเป็นหลัก โดยเน้นการออกแบบที่มีนวัตกรรมและมีเอกลักษณ์ เพื่อลดการแข่งขันด้านราคา
"เราเน้นทำสินค้าที่เป็น High Value ที่มีดีไซน์ที่แตกต่างจากตลาด มีกระเบื้องไซต์ใหญ่ ไซต์ใหม่ๆจากตลาดที่ส่วนใหญ่จะเป็นไซต์ 8x8นิ้ว 8x10นิ้ว แต่ของเราก็จะมีทั้ง 10x16นิ้ว 8x12นิ้ว 10x20นิ้ว 8x16นิ้ว ซึ่งคู่แข่งไม่ค่อยผลิต ก็ถือเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าซึ่งก็ทำให้กำไรเราเติบโตมาก"นางสาวปวีณา กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มีมูลค่าสูงในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 45% ของยอดขายรวม จากปีก่อนที่ 40% และคาดว่าภายในอีก 1-2 ปี สัดส่วนจะเพิ่มขึ้นเป็น 60% เนื่องจากสินค้าที่มีมูลค่าสูงจะมีมาร์จิ้นดีกว่าสินค้าราคาปกติและกำลังเป็นที่ต้องการของตลาด
และในปีนี้บริษัทจะพยายามรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ระดับ 23% เท่ากับปีก่อน และยังไม่มีแผนปรับเพิ่มราคาขายสินค้า แม้ราคาน้ำมัน ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตกระเบื้องจะปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์เฉลี่ยปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล ถือว่าเป็นระดับที่ยังไม่กระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้ามากนัก
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นทุก 10 ดอลลาร์/บาร์เรล จะกระทบต่อต้นทุนในการผลิต 0.7%
ปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนการขายในประเทศ 90% และส่งออกไปต่างประเทศ 10% โดยตลาดหลัก ได้แก่ ยุโรป ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง ซึ่งปีนี้บริษัทก็จะเน้นการขยายตลาดในอาเซียนมากขึ้น เนื่องจากมีรสนิยมการบริโภคสินค้าใกล้เคียงกัน แต่กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจก็จะยังคงเน้นการขายสินค้าในประเทศเป็นหลัก โดยช่องทางการขายสินค้าในประเทศ เป็นการขายผ่านโมเดิร์นเทรด 30-40% ที่เหลือเป็นการขายผ่านดีลเลอร์ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 700 ราย
และในปีนี้บริษัทมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตอีก 5 ล้านตร.ม./ปี จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิต 20 ล้านตร.ม./ปี เพื่อผลิตกระเบื้องเซรามิค และกระเบื้องพอร์ซเลน คาดว่าจะใช้เงินลงทุนกว่า 500 ล้านบาท มาจากกระแสเงินสดประมาณ 60% ส่วนที่เหลือเป็นเงินกู้จากสถาบันการเงิน ทั้งนี้ คาดว่ากำลังการผลิตใหม่จะสามารถเดินเครื่องผลิตได้ในช่วงต้นปีหน้า
และบริษัทยังมีแผนเพิ่มจุดให้บริการ Duragres Service Conner ที่ให้ลูกค้าสามารถออกแบบลวดลายกระเบื้องด้วยตนเอง ซึ่งปัจจุบันมีการให้บริการอยู่ 30 จุด ในร้านของคู่ค้า โดยปีนี้จะเพิ่มอีก 20 จุด โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนจุดละ 1 แสนบาท