ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (24 ก.พ.) ทำสถิติปรับตัวลงติดต่อกัน 5 วันทำการ เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่าสถานการณ์รุนแรงในลิเบียจะส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบสูงขึ้น และจะส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจโลก
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีร่วงลง 64.10 จุด หรือ 0.89% ปิดที่ 7,130.50 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 7,093.91-7,156.05 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสขยับลง 3.48 จุด หรือ 0.09% ปิดที่ 4,009.64 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 3,984.36-4,024.26 จุด
ดัชนี FTSE 100 ขยับลง 3.55 จุด หรือ 0.06% ปิดที่ 5,919.98 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,860.95-5,936.68 จุด
ดัชนี FTSEurofirst 300 ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มบลูชิพในตลาดยุโรปลดลง 6.43 จุด หรือ 0.56% ปิดที่ 1,145.61 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปยังคงได้รับแรงกดดันจากวิกฤตการณ์ในตะวันออกกลางและลิเบีย ขณะเดียวกันมีรายงานว่าสหรัฐกำลังพิจารณาเรื่องการใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อลิเบีย เพื่อตอบโต้รัฐบาลภายใต้การนำของพันเอกมูอัมมาร์ กัดดาฟี ที่ใช้กำลังสลายการชุมนุมของกลุ่มผู้ประท้วง
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้ปัจจัยลบจากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีที่ระบุว่า ยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลเยอรมนีในปี 2553 อยู่ที่ 3.3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ซึ่งน้อยกว่าที่ได้ประมาณการไว้ก่อนหน้านี้ที่ 3.5% แต่เหนือว่าเพดาน 3% ที่สหภาพยุโรปกำหนดไว้สำหรับ 17 ชาติสมาชิกยูโรโซน
เยอรมนีมียอดเกินดุลงบประมาณเล็กน้อยในปี 2550 และ 2551 แต่ในปี 2552 เยอรมนีมียอดขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นเป็น 3% ของตัวเลขจีดีพี เนื่องจากรัฐบาลประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
หุ้นธนาคารรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ร่วงลง 3.6% หลังจากธนาคารเปิดเผยตัวเลขขาดทุนปี 2553 ที่มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
หุ้นอาร์ดับเบิ้ลยูอี ซึ่งเป็นบริษัทก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานรายใหญ่ของอังกฤษ ปิดร่วง 5.2% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้ลง 30% ส่วนหุ้นพอร์ชปิดร่วง 11% หุ้นโฟล์คสวาเก้นปิดร่วง 3%
อย่างไรก็ตาม หุ้นแคปิตา กรุ๊ป ปิดบวก 7.2% หุ้นเครดิต อะกริโคล เอสเอ ปิดบวก 5.2%