นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.(PTT) กล่าวว่า การควบรวมกิจการของบมจ.ปตท.เคมีคอล (PTTCH) กับ บมจ.ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น(PTTAR)เพื่อจัดตั้งเป็นบริษัทใหม่ จะทำให้บริษัทใหม่มีรายได้สูงถึง 4 แสนล้านบาทในปีนี้ และคาดว่ากำไรในปีนี้ก็จะเพิ่มขึ้นแน่นอน โดยจากการ Synergy จะทำให้ EBITDA เพิ่มขึ้นอีก 80-150 ล้านเหรียญสหรัฐ
อนึ่ง ปี 53 ทั้งสองบริษัทมีรายได้รวมกัน 3.7 แสนล้านบาทและมีกำไรรวมกัน 1.6-1.7 หมื่นล้านบาท
ขณะเดียวกัน บริษัทใหม่ก็จะมีโครงการลงทุนเพิ่มเติม 92 ล้านเหรียญ ซึ่งจะมีการผลิตผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากขึ้น รวมถึงการลดต้นทุนค่าใช้จ่าย
ทั้งนี้ การควบบริษัท PTTAR และ PTTCH จะทำให้บริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบรวมก้าวขึ้นเป็นแกนนำของธุรกิจปิโตรเคมี (Petrochemical Flagship) ของกลุ่ม ปตท. ด้วยกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี รวม 8.2 ล้านตันต่อปี และกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมรวม 228,000 บาร์เรลต่อวัน เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นครบวงจร (Integrated Petrochemical and Refining) ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและเป็นบริษัทชั้นนำในระดับภูมิภาคเอเซียนทั้งขนาดและความหลากหลายของผลิตภัณฑ์
การควบบริษัท PTTAR และ PTTCH จะทำให้บริษัทใหม่มีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีทั้งสายโอเลฟินส์และอะโรเมติกส์ เป็นการสร้างความสามารถในการแข่งขันและลดความเสี่ยงจากการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจปิโตรเคมี บริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีจะต้องมีกำลังการผลิตขนาดใหญ่ให้เกิดการประหยัดจากขนาด (Economy of scale) เพื่อลดต้นทุนการผลิตต่อหน่วยลง และต้องมีความเชื่อมโยงกันอย่างหลากหลายครบวงจร (Fully Integrated) ทั้งนี้ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะการขยายธุรกิจไปสู่ธุรกิจปลายน้ำที่มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น
บริษัทใหม่จะได้ผลประโยชน์เพิ่มเติมจากการสร้างมูลค่าเพิ่มจากการรวมธุรกิจ (Synergy) ระหว่าง PTTCH และ PTTAR ซึ่งเกิดจากการเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน และการลดค่าใช้จ่ายจากการใช้สินทรัพย์ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งสามารถบริหารการผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ตามความต้องการของตลาด (Production and Market Optimisation) อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ยังก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว จากมูลค่าเพิ่มที่ได้รับจากการสร้าง Petrochemical Flagship ของกลุ่ม ปตท. และเพิ่มโอกาสการขยายธุรกิจร่วมกันในอนาคต ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) ที่มีขนาดใหญ่อยู่ใน 5 อันดับแรก (Top Five) ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
อนึ่ง การจัดสรรหุ้นของบริษัทใหม่ให้แก่ผู้ถือหุ้นของ PTTAR และ PTTCH มีอัตราส่วน คือ 1 หุ้นเดิมใน PTTAR ต่อ 0.501296791 หุ้นในบริษัทใหม่ และ 1 หุ้นเดิมใน PTTCH ต่อ 1.980122323 หุ้นในบริษัทใหม่ ทั้งนี้ คาดว่าการดำเนินการควบบริษัทจะแล้วเสร็จ และสามารถซื้อขายหุ้นของบริษัทใหม่ได้ภายในช่วงไตรมาส 3/54