นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินไทย(THAI)เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันนี้มีมติอนุมัติโครงการจัดหาเครื่องบินในปี 2554-2560 จำนวน 37 ลำ พร้อมทั้งเครื่องยนต์สำรอง ประกอบด้วย เครื่องบินตัวแคบ จำนวน 11 ลำ และ เครื่องบินลำตัวกว้างสำหรับเส้นทางบินข้ามทวีปและเส้นทางบินภูมิภาค จำนวน 26 ลำ รวมวงเงินประมาณ 2.16 แสนล้านบาท
และ อนุมัติโครงการจัดหาเครื่องบินปี 2561-2565 โดยเป็นการจัดหาเครื่องบินลำตัวกว้างสำหรับเส้นทางบินข้ามทวีป และเส้นทางบินภูมิภาค จำนวน 38 ลำ พร้อมเครื่องยนต์สำรอง ประกอบด้วย การจัดหาเครื่องบินแบบ Firm Order จำนวน 21 ลำ และ จัดหาแบบ Option Order จำนวน 17 ลำ รวมวงเงินประมาณ 2.46 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ โครงการจัดหาเครื่องบินในปี 2554-2565 เป็นการดำเนินการตามแผนกลยุทธ์ โดยเป็นการจัดหาเครื่องบินใหม่เพื่อทดแทนการลดระว่างเครื่องบินที่มีอายุการใช้งานนาน 21 ลำ ได้แก่ แอร์บัส 330-600, โบอิ้ง 747-400, โบอิ้ง 777-300 ER และเพิ่มประสิทธิภาพของฝูงบิน รวมทั้งเพิ่มปริมาณการผลิต
เป้าหมายการจัดหาเครื่องบินในครั้งนี้ จะทำให้บริษัทมีฝูงบินที่ทันสมัยและมีอายุเฉลี่ยของฝูงบินลดลงจาก 11.9 ปีโดยเฉลี่ยในปี 2553 เป็น 8.5 ปีโดยเฉลี่ยในปี 2560 พร้อมมีประสิทธิภาพฝูงบินเพิ่มขึ้น โดยอัตราการใช้เชื้อเพลิงต่อหน่วยจะลดลงเฉลี่ยประมาณร้อยละ 1.3ต่อปี ขณะที่อัตราการซ่อมบำรุงต่อหน่วยลดลงเฉลี่ยประมาณร้อยละ 3.2 ต่อปี
นอกจากนั้น นายปิยสวัสดิ์ กล่าวว่า คณะกรรมการบริษัทได้มีมติแต่งตั้ง ธนาคารกรุงเทพ (BBL) และ ธนาคารกสิกรไทย(KBANK) เป็นที่ปรึกษาและผู้จัดการจัดจำหน่ายตราสารหนี้ประเภทหุ้นกู้ในประเทศ วงเงิน 8 พันล้านบาท โดยมีกำหนดการออกและเสนอขายประมาณเดือน พ.ค.2554