นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหาร บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) เปิดเผยว่าในปี 54 บริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโต 10-15% ส่วนใหญ่มาจากกิจการต่างประเทศ และธุรกิจกุ้ง ขณะที่กำไรสุทธิคาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อน
ทั้งนี้ ธุรกิจกุ้งในปีนี้ภาพรวมน่าจะเติบโตกว่า 20% โดยเฉพาะการส่งออกกุ้งไปต่างประเทศในปีนี้คาดว่าจะเติบโตสูงถึง 40% เพิ่มเป็น 7 หมื่นตัน จากปีก่อนอยู่ที่ 5 หมื่นตัน ขณะที่มูลค่าการส่งออกจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 1.05 หมื่นล้านบาท ขณะที่ราคาขายจะเพิ่มขึ้น 8%
สำหรับงบการลงทุนในช่วง 5 ปี(54-58)วงเงินรวม 4 หมื่นล้านบาท บริษัทจะแบ่งใช้ลงทุนปีละ 8 พันล้านบาท โดยในปี 54 จะใช้เพื่อการลงทุนในประเทศประมาณ 3-4 พันล้านบาท เป็นการลงทุนห้องเย็น 2 พันล้านบาท และใช้ปรับปรุงฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ส่วนที่เหลือใช้ลงทุนในต่างประเทศ ได้แก่ ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ในอินเดีย ฟาร์มเลี้ยงหมูในรัสเซีย และใช้ในการลงทุนที่ประเทศฟิลิปปินส์
นอกจากนั้น บริษัทยังเตรียมแผนลงทุนในทวีปแอฟริกา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียด และคาดว่าจะเริ่มเข้าไปลงทุนในประเทศแทนซาเนียได้ภายในปี 54 หลังจากคณะกรรมการบริษัทอนุมัติการลงทุนในทวีปแอฟริกาอย่างเป็นทางการ โดยจะเริ่มจากธุรกิจอาหารสัตว์และฟาร์มเลี้ยงสัตว์
ส่วนการลงทุนในประเทศกัมพูชา เป็นการเข้าไปซื้อหุ้นในธุรกิจของเครือเจริญโภคภัณฑ์ที่ดำเนินการอยู่แล้วในสัดส่วน 25% คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 500 ล้านบาท ทั้งนี้ มองว่าตลาดในกัมพูชามีแนวโน้มเติบโตสูง มีความต้องการบริโภคภายในประเทศมาก และคู่แข่งยังน้อย โดยจะเข้าไปลงทุนธุรกิจไก่และอาหารสัตว์ ซึ่งมีอัตราเติบโตสม่ำเสมอ คาดว่าจะมีอัตราผลตอบแทน 19%ในปี 54 นายอดิเรก กล่าวว่า การขยายกิจการในต่างประเทศของบริษัทจะช่วยทำให้สัดส่วนยอดขายจากธุรกิจต่างประเทศเพิ่มเป็น 40% ภายใน 5 ปี จากปัจจุบันที่มี 26% ขณะที่ยอดขายในประเทศมีสัดส่วน 60% และส่งออก 14%
บริษัทคาดว่าในปีนี้ยอดขายจากธุรกิจในประเทศจะเติบโต 5-10% จากปีก่อนที่เติบโต 5% ส่วนธุรกิจในต่างประเทศจะเติบโตมากกว่าปี 53 ที่เติบโต 55%
นายอดิเรก ยังกล่าวว่า จากสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน รวมทั้งปัญหาอากาศแปรปรวนกระทบสินค้าเกษตร โดยเฉพาะ ข้าวสาลี และ ธัญพืช ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตอาหารสัตว์ ทำให้ต้นทุนอาหารสัตว์ในปีนี้สูงขึ้น และส่งผลให้ต้นทุนการเลี้ยงสัตว์เพิ่มขึ้น 10%
"ปีนี้ต้นทุนต่างๆที่เพิ่มขึ้น ก็ย่อมทำให้ราคาเนื้อสัตว์ทั่วโลกปรับขึ้นอยู่แล้ว ซี่งเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นกลไกของตลาด ซึ่งทางเรามีการปรับขึ้นราคาก็เป็นไปตามภาวะตลาด"นายอดิเรก กล่าว
ด้านนายไพศาล จีระกิจเจริญ ประธานผู้บริหารฝ่ายการเงิน CPF กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการออกหุ้นกู้เพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 1/54 เพื่อเป็นการปรับโครงสร้างทางการเงิน ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะรีไฟแนนซ์หุ้นกู้เดิมที่จะครบกำหนดภายในปีนี้จำนวนเงิน 6.8 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทมีเงินสดรองรับเพียงพอ โดยในสิ้นปี 53 มี EBITDA อยู่ 1.8 หมื่นล้านบาท
ขณะที่แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้น บริษัทจะออกหุ้นกู้เพื่อกำหนดอัตราดอกเบี้ยคงที่ โดยอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นทุก 1% จะทำให้บริษัทมีภาระดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นประมาณกว่า 100 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทมีเงินกู้ระยะยาวที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่อยู่ 70%