ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (25 ก.พ.) ซึ่งเป็นการปิดบวกวันแรกในรอบ 5 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในลิเบียและราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 100 ดอลลาร์/บาร์เรล
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีพุ่งขึ้น 0.8% ปิดที่ 7,185.17 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสดีดขึ้น 1.5% ปิดที่ 4070.38 จุด
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดบวก 1.3% แตะที่ 284.12 จุด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นอังกฤษพุ่งขึ้น 81.22 จุด หรือ 1.37% ปิดที่ 6,001.20 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นเพราะได้แรงหนุนจากการที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 100 ดอลลาร์/บาร์เรล อันเนื่องมาจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดทางการเมืองในลิเบีย โดยหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้นแข็งแกร่งสุด
สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX เคลื่อนไหวที่ระดับต่ำกว่า 100 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อวันศุกร์ หลังจากซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นสมาชิกรายใหญ่สุดของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ตัดสินใจเพิ่มกำลังการผลิตอีก 3 ล้านบาร์เรล/วัน โดยมีเป้าหมายที่จะลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะขาดแคลนพลังงานอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ตึงเครียดในลิเบีย
หุ้นสเปคทริสทะยานขึ้น 12% หลังจากที่บริษัทรายงานผลกำไรก่อนหักภาษีที่พุ่งสูงเกินคาด ขณะที่หุ้นแรงค์ กรุ๊ป ปิดพุ่ง 5.3% หลังบริษัทรายงานผลกำไรจากการดำเนินงานที่ปรับตัวสูงขึ้น
หุ้นโฟล์คสวาเก้นปิดทะยานขึ้นกว่า 6% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรปี 2553 เพิ่มขึ้นเป็น 6.84 พันล้านยูโร จากปีก่อนหน้านั้นที่ระดับ 960 ล้านยูโร เนื่องจากความต้องการรถยนต์ในประเทศจีนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการปี 2554
อย่างไรก็ตาม หุ้น EADS ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแอร์บัสปิดร่วง 0.5% หลังจากบริษัทโบอิ้ง โค ซึ่งเป็นคู่แข่ง คว้าสัญญาการจัดหาเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ "KC-46A" จำนวน 179 ลำ มูลค่า 3.5 พันล้านดอลลาร์จากกองทัพอากาศสหรัฐ แซงหน้า EADS