นายกวี เตชะพิเชฐวนิช รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สตาร์ไมโคร อิเล็กทรอนิกส์(ประเทศไทย) (SMT) กล่าวว่า ผลประกอบการปี 54 คาดว่ากำไรสุทธิจะโตมากกวว่าเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ว่ากำไรจะโต 35% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 530 ล้านบาท
“ปีก่อนเราตั้งเป้ากำไรโต 30% ก็เติบโตถึง 99% ปีนี้ตั้งเป้าโต 35% ก็คงเติบโตกว่าเป้าหมายอยู่แล้ว โดยรายด้หลักยังมาจากธุรกิจผลิตชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์"นายกวี กล่าว
สำหรับสินค้าหลักทั้งแผงวงจรทัชสกรีนสำหรับโทรศัพท์สมาร์ทโฟนยังคงมีแนวโน้มการเติบโตสูงตามการขยายตัวของตลาดสมาร์ทโฟน โดยบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดสินค้าดังกล่าวในตลาดโลกกว่า 10% ซึ่งคาดว่าปีนี้ตลาดโลกจะมียอดขายสมาร์ทโฟนกว่า 500 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มียอดขาย 293 ล้านเครื่อง
ส่วนธุรกิจด้านพลังงานทดแทน นายกวี กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาทำธุรกิจไบโอแมส โดยเป็นโรงไฟฟ้าขนาดเล็กคาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงครึ่งปีหลัง โดยโรงไฟฟ้าไบโอแมสใช้เวลาในการก่อสร้างมากกว่าโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ โดยใช้เวลา 1.5-2 ปี
ขณะที่โรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์จะใช้เวลา 7-8 เดือนในการก่อสร้างและติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ คาดว่าธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ขนาดเล็กแบบครบวงจร กำลังการผลิตต่ำกว่า 8 เมกะวัตต์ ที่จะเดินเครื่องเชิงพาณิชย์และรับรู้รายได้ช่วงปลายปี 54 หรือต้นปี 55 โดยสำรวจพื้นที่เหมาะสมในภาคอีสานและกลางตอนบน
นายพลศักดิ์ เลิศพุฒิภิญโญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SMT เปิดเผยว่า บริษัทจะมีการพิจารณาการจ่ายปันผลในช่วงกลางเดือนมีนาคม โดยเป็นการปันผลในงวดผลประกอบการครึ่งปีหลังปี 53 ตามนโยบายการจ่ายปันผลที่ 40% ของกำไรสุทธิ ซึ่งครึ่งปีแรกจ่ายไปแล้ว 0.20 บาทต่อหุ้น
“เรื่องการจ่ายปันผลงวดครึ่งปีหลังมรแน่นอนหลังจากจ่ายไป 0.20 บาทแล้ว โดยคิดจากกำไร 530 บาทในปี 53 นโยบาย 40% ก็จะจ่ายแล้ว 0.57 บาทต่อหุ้น ก็คงเหลือจ่ายอีก 0.35-0.37 บาทต่อหุ้น คงไม่น้อยกว่านี้แต่ต้องให้บอร์ดอนุมัติก่อนกลางเดือนหน้าจึงจะสรุป"นายพลศักดิ์ กล่าว