นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เมืองไทยประกันภัย(MTI) กล่าวว่า ในปี 54 บริษัทตั้งเป้าอัตราการเติบโตชองเบี้ยประกันภัยรับตรง 15% หรือประมาณ 2 เท่าของธุรกิจ โดยคิดเป็นเบี้ยประกันภัยตรงที่ 5,325 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรถยนต์ 2,325 ล้านบาท และที่เหลืออีก 3,000 ล้านบาทเป็นเบี้ยประกันภัยประเภทอื่น ได้แก่ เบี้ยประกันอัคคีภัย 35% เบี้ยประกันภัยเบ็ดเตล็ดและประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล 60% และประกันภัยทางทะเล 5%
"ปี 54 เป็นปีท้าทายสำหรับธุรกิจ หลังจากเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นในปี 53 เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้เรื่องการเมืองในเดือน เม.ย.และ พ.ค. ซึ่งก็ส่งผลให้ประกันก่อการร้ายได้รับความนิยมมากขึ้น โดยในปีนี้บริษัทมีลูกค้าใหม่เข้ามา 20 ราย มีเบี้ยประกันภัยกว่า 170 ล้านบาท"นางนวลพรรณ กล่าว
สำหรับแผนการดำเนินงานในด้านช่องทางการจัดจำหน่าย บริษัทจะเน้นการขายผ่านช่องทางธนาคารมากขึ้น โดยวางเป้าหมายเติบโตไว้ 24% โดยผลิตภัณฑ์ที่เป็นเป้าหมายหลักยังคงเป็นประภันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล(PA) การเติบโตของประกันภัยทางทะเลมากขึ้นผ่านช่องทางลูกค้าของธนาคาร
"การขายผ่านช่องทางธนาคารในปีนี้ยังเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะในส่วนของธนาคารกสิกรไทย ที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัทมานาน ปีนี้ตั้งเบี้ยประกันไว้ประมาณ 1 พันกว่าล้านบาท และนอกจากนี้ยังมีการขายผ่านธนาคารอื่น ๆ ทั้งธนาคารอิสลามฯ เอสเอ็มอีแบงก์ และธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ฯ และปีนี้ก็มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่จะขายผ่านช่องทางธนาคาร 2-3 ตัวภายในไตรมาส 2 ของปีนี้"นางนวลพรรณ กล่าว
นางนวลพรรณ กล่าวว่า บริษัทยังมีแผนเพิ่มพันธมิตรใหม่ ๆ ทางธุรกิจเพื่อขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้มากขึ้น โดยคาดว่าในช่วง เม.ย.-พ.ค.นี้จะมีการเซ็นสัญญากับพันธมิตรใหม่ 3-4 ราย ซึ่งเป็นธุรกิจ non-bank มีฐานลูกค้าแสนรายขึ้นไป เพื่อขยายฐานลูกค้าไปสู่รายย่อยมากขึ้น รวมทั้งบริษัทมีแผนออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ กับพันธมิตรที่มีอยู่เดิม
"อย่างเซ็นทรัลเราก็ตั้งเบี้ยประกันปีนี้ไว้ที่ 50 ล้านบาท ส่วนนกแอร์ตั้งไว้ 30 กว่าล้านบาท เป็นประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล ซิงเกอร์ปีที่ผ่านมายังเติบโตไม่มาก ปีนี้คาดว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 20-30 ล้านบาท ในส่วนของคาร์ฟูร์อยู่ระหว่างการเจรจาหลังจากถูกบิ๊กซีเทคโอเวอร์ แต่ก็คาดว่าน่าจะดำเนินการได้ต่อ"
บริษัทตั้งเป้าหมายการขายช่องทางตัวแทนเติบโต 16% โดยมุ่งเน้นการเติบโตประภันภัยรถยนต์ประเภท 1 และประกันภัยรถยนต์ประเภทแพคเกจต่างๆ โดยในปีนี้บริษัทมีแผนเปิดสำนักงานเพิ่มขึ้นอีก 50 แห่ง เป็น 367 แห่ง
ในส่วนการให้บริการลูกค้าในปีนี้ บริษัทมีแผนขยายจำนวนศูนย์บริการ(เปิดสาขา) เพิ่มขึ้น ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ,ภูเก็ต ,สุราษฎร์ธานี , นครศรีธรรมราช , สมุทรสงคราม , เชียงราย , สระบุรี และ สกลนคร
นางนวลพรรณ กล่าวว่า สัดส่วนการขายจะเป็นการขายผ่านสถาบัน 20% ผ่านธนาคาร 16% ผ่านตัวแทน 22% ผ่านพันธมิตทางธุริจรถยนต์ 16% โบรกเกอร์ 12% และการขายตรง 14%
สำหรับเหตุน้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่ภาคอีสานและภาคใต้ บริษัทก็ได้รับผลกระทบทั้งทางบวกและทางบก โดยทางลบมีการจ่ายค่าเคลมมากขึ้น แต่ผลบวกก็ทำให้ทุกบริษัทมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ลูกค้าก็ตื่นตัวทำประกันมากขึ้น เชื่อว่าธุรกิจประกันปีนี้ยังเติบโตได้ แต่การแข่งขันจะรุนแรงขึ้น และน่าจะเห็นการควบรวมระหว่างบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กค่อนข้างมาก