บมจ.ไออาร์พีซี(IRPC) คาดว่าในปี 54 กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย(EBITDA)ในปีนี้จะสูงกว่าปีก่อนที่อยู่ในระดับ 8.3 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทสามารถลดต้นทุนค่าไฟฟ้าหลังจากโรงไฟฟ้าขนาด 220 เมกะวัตต์แล้วเสร็จ และเริ่มเดินเครื่องบางส่วนตั้งแต่เดือน ม.ค.54 ก่อนจะเดินเครื่องเต็มที่ภายใน มิ.ย.54 ซึ่งช่วยลดค่าไฟฟ้าไปได้กว่า 1.3 พันลบ.ในปีนี้
แต่อย่างไรก็ตาม ช่วงปลายปีนี้ หรือ ปลาย พ.ย.- ธ.ค.จะมีการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นเป็นเวลา 30 วัน จะส่งผลให้กำลังการผลิตหายไป จึงจะทำให้รายได้รวมอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อน แต่เชื่อว่าราคาผลิตภัณฑ์ในปีนี้ยังมีแนวโน้มที่ดี
"การลดค่าใช้จ่ายไฟฟ้าจะช่วยทำให้ EBITDA ของบริษัทปรับเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก แม้ว่าปีนี้รายได้จะใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 2.2 แสนล้านบาท เนื่องจากกำลังการผลิตที่หายไป แต่เชื่อว่าราคาผลิตภัณฑ์ยังดีอยู่"นายอธิคม เติบศิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายแผนธุรกิจองค์กร IRPC กล่าว
นายอธิคม กล่าวว่า โครงการฟินิกซ์ทั้ง 19 โครงการขณะนี้อนุมัติงบลงทุนไปแล้ว 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ เหลืออีก 200 ล้านเหรียญสหรัฐที่จะใช้ลงทุนโครงการดาวน์สตรีม 2-3 โครงการ คาดว่าจะมีการอนุมัติเงินลงทุนภายในกลางปีนี้
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีแผนจะปรับปรุงคุณภาพการผลิตเพื่อให้มีผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น เพื่อให้ได้กำลังการผลิตโพรพิลีนเพิ่มอีก 1 แสนตัน/ปี ในปี 55 และมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตโพรพิลีนหน่วยใหม่อีก 2.7 แสนตัน/ปี มูลค่าการลงทุน 800 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่สุดในแผนฟีนิกซ์ โครงการนี้จะแล้วเสร็จในปี 58
หากโครงการโพรพิลีนแล้วเสร็จจะทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเกือบ 1 เท่าตัว จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิต 3.12 แสนตัน/ปี ขณะที่ความต้องการใช้โพรพิลีนขณะนี้อยู่ที่ 4.75 แสนตัน/ปี ทำให้บริษัทต้องเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้า ทั้งนี้ หากโครงการฟีนิกซ์แล้วเสร็จทุกโครงการภายใน 58 จะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นอีกปีละ 1 หมื่นล้านบาท
สำหรับแผนการลงทุนของบริษัทในช่วง 5 ปี(53-57)ยังคงวงเงินลงทุนไว้ที่ 2.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยจำนวนนี้เงินลงทุน 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐเป็นการลงทุนโครงการฟีนิกซ์ และเงินลงทุนที่เหลือก็ยังคงเป็นไปตามแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท ยังไม่มีการลงทุนเข้าซื้อกิจการ
ทั้งนี้ แหล่งเงินที่ใช้การลงทุนมาจากการดำเนินการ และในเบื้องต้นยังไม่มีแผนออกหุ้นกู้แต่อย่างใด