ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (1 มี.ค.) หลังจากราคาน้ำมันดิบ NYMEX พุ่งขึ้นเกือบแตะระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์ประท้วงต่อต้านรัฐบาลที่เกิดขึ้นในอิหร่านและลิเบีย ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่า ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 168.32 จุด หรือ 1.38% ปิดที่ 12,058.02 จุด ดัชนี S&P 500 ร่วงลง 20.89 จุด หรือ 1.57% ปิดที่ 1,306.33 จุด และดัชนี Nasdaq ดิ่งลง 44.86 จุด หรือ 1.61% ปิดที่ 2,737.41จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.2 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 3 ต่อ 1
ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงอย่างหนักหลังจากราคาน้ำมันดิบ NYMEX ร่วงลง 2.66 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 99.63 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นผลมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์ประท้วงต่อต้านรัฐบาลในอิหร่านและลิเบีย โดยตลอดสัปดาห์ที่แล้ว ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นไปแล้ว 13% เนื่องจากเหตุการณ์รุนแรงในลิเบียส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก จนทำให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คว่ำบาตรลิเบีย ซึ่งครอบคลุมถึงการสั่งห้ามส่งอาวุธไปยังลิเบีย และอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับพันเอกมูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า กระแสความตื่นตระหนกเกี่ยวกับการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันได้ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลง แม้เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงนโยบายเศรษฐกิจรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการด้านการเงินแห่งวุฒิสภาสหรัฐเมื่อคืนนี้ ว่า การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบจะไม่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจสหรัฐ และจะทำให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น นอกจากนี้ เบอร์นันเก้ยังคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะยังคงขยายตัวได้ดีในปีนี้ แต่ก็ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะฉุดอัตราว่างงานให้ปรับตัวลดลงได้
นอกจากนี้ ความวิตกกังวลเรื่องราคาน้ำมันยังบดบังปัจจัยบวกจากรายงานของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ที่ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.พ. ขยายตัวที่ระดับ 61.4 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนม.ค.ที่ระดับ 60.8 จุด ซึ่งเป็นการขยายตัวที่รวดเร็วที่สุดในรอบเกือบ 7 ปี และยังทำสถิติขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 19
หุ้นธนาคารฟิฟธ์ เธิร์ด แบงก์คอร์ป ปิดร่วงลง 4.5% หลังจากมีรายงานว่า คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) กำลังตรวจสอบบัญชีและรายงานการปล่อยเงินกู้ของธนาคารดังกล่าว ขณะที่หุ้นเรนจ์ รีซอสเซส คอร์ป ปิดร่วง 7% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำเกินคาด ซึ่งเป็นผลมาจากราคาก๊าซธรรมชาติร่วงลงในปีที่แล้ว
หุ้นออโต้โซน อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกชิ้นส่วนรถยนต์รายใหญ่ของสหรัฐ ปิดบวก 2% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสเพิ่มขึ้น 20%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่ทางการสหรัฐจะเปิดเผยในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ ADP Employer Services จะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.พ. และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book)
วันพฤหัสบดี แรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และ ISM จะเปิดเผยดัชนีภาคบริการเดือนก.พ. ส่วนวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ. และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนม.ค.