บมจ.ถิรไทย(TRT) ตั้งเป้าปี 54 ทำรายได้ 2.2 พันล้านบาท และรักษาอัตรากำไรขั้นต้นใกล้เคียงปีก่อนที่มีไม่น้อยกว่า 20-25% ขณะนี้มีงานในมือรอส่งมอบมากกว่า 1.1 พันล้านบาท และยังเตรียมเข้าประมูลงานรวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะได้งานประมาณ 20% เพื่อไปสู่เป้าหมายการเป็นผู้นำด้านหม้อแปลงไฟฟ้าในเอเชียภายใน 5 ปี
นายสัมพันธ์ วงษ์ปาน กรรมการผู้จัดการ TRT กล่าวว่า บริษัทจะเข้าร่วมประมูลงานและเสนอราคาอย่างต่อเนื่องในมูลค่างานรวมมากกว่า 10,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นภาครัฐ 4,900 ล้านบาท ภาคเอกชนในประเทศมูลค่า 3,200 ล้านบาท และต่างประเทศกว่า 1,400 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถได้รับออร์เดอร์มากกว่า 2,100 ล้านบาท หรือประมาณ 20% ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 1,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะรับรู้รายได้ในปี 55
ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น(Gross Margin) จะคงรักษาระดับให้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านไม่น้อยกว่า 20-25 % ควบคู่กับการรักษาสัดส่วนตลาดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และมาตรการในด้านอื่นๆ เพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ เพื่อการรักษาอัตราเติบโตของบริษัทฯ
นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนปรับนโยบายการดำเนินงานธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า ในระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่ ปี 54-59 เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดหม้อแปลงไฟฟ้าในภาคพื้นเอเชีย และโอชิเนีย ด้วยการออก 5 พันธกิจหลักในการดำเนินงาน ประกอบด้วย 1. ด้านธุรกิจจะใช้ความเชี่ยวชาญทางเทคนิค ร่วมมือกับลูกค้าในการออกแบบเพื่อผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าที่มีคุณภาพให้เหมาะสมกับระบบและลักษณะงานของลูกค้า
2.ทางด้านลูกค้า เพิ่มความพึงพอใจ และตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยคำนึงถึงคุณภาพ ราคาที่เหมาะสม กำหนดส่งที่ทันเวลาและการบริการที่ดี 3.ทางด้านบุคลากร จะส่งเสริมและพัฒนา และรักษาบุคลการให้มีความเชี่ยวชาญ พร้อมสร้างจิตสำนึกในการทำงานเป็นทีมเปี่ยมด้วยคุณภาพ รักษาคุณธรรม และคำนึงถึงลูกค้า
4.การกำกับดูแลกิจการ สร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ถือหุ้น และปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมดอย่างเป็นธรรม โดยจะรักษาระดับให้อยู่ในระดับ CG Score 4 ดาว ให้ได้ตลอดระยะเวลา 5 ปี และ 5. Corporate Social Responsibility (CSR) ความรับผิดชอบต่อสังคม
นายอุปกรม ทวีโชค กรรมการบริหารและเลขานุการ TRT กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายใน 5 ปีข้างหน้ามีรายได้ 3,060 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 54 ที่คาดว่าจะมีรายได้รวม 2,200 ล้านบาท เนื่องจากมีสัญญาณการสั่งซื้อสินค้าของลูกค้ากลับมามากขึ้น ทั้งในและต่างประเทศ ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว
และหลังจากนี้บริษัทจะรุกขยายธุรกิจในต่างประเทศมากขึ้น โดยคาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเป็น 37% ใน 5 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ 30% โดยจะขยายตลาดในภูมิภาคเอเซีย ซึ่งเร็วๆ นี้บริษัทจะขยายไปยังตลาดออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ จากช่วงต้นปีที่ได้ขยายตลาดไปประเทศในตะวันออกกลาง
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนร่วมทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวล โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตร 1 ราย และคาดว่าจะสรุปการร่วมทุนได้ในไตรมาส 2/54 เบื้องต้นน่าจะใช้เม็ดเงินลงทุนประมาณ 60-100 ล้านบาท เพื่อสร้างรายได้ให้บริษัทในอนาคต และเป็นการลดความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก เนื่องจากปีก่อนบริษัทได้รับผลกระทบจนทำให้รายได้ลดลงตามคำสั่งซื้อสินค้า
อย่างไรก็ตาม เพื่อรองรับการเติบโตทางธุรกิจของบริษัทในอนาคต บริษัทเตรียมออกหุ้นกู้วงเงิน 1,000 ล้านบาท คาดว่าจะเห็นการเสนอขายในช่วงปลายปี 54 หลังจากบริษัทได้ขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นช่วงปลายเดือน เม.ย.54 โดยการระดมทุนดังกล่าวเป็นการเพิ่มวงเงินลงทุน
และบริษัทยังมีแนวคิดที่จะเพิ่มปริมาณการซื้อขายหุ้นบริษัทให้มากขึ้น มีเป้าหมายให้มีการซื้อขายที่ 10 ล้านบาท/วัน จากปัจจุบันอยู่ที่ 5-6 ล้านบาท โดยจะได้หารือกับที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อดำเนินการ ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทมีการลดพาร์เป็นทางหนึ่งในการเพิ่มสภาพคล่องของหุ้นได้