นายรัตน์ พานิชพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.ควอลิตี้ เฮ้าส์ (QH) เตรียมเปิดขายหุ้นกู้ มูลค่า 2 พันล้านบาท อายุ 3 ปี โดยจะกำหนดอัตราดอกเบี้ยในวันที่ 3 มี.ค. และเสนอขายในวันที่ 4-9 มี.ค.54 และจะได้รับเงินในการขายหุ้นกู้วันที่ 10 มี.ค.54 ขณะเดียวกันจะเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติออกหุ้นกู้อีกวงเงินรวม 10,000 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ทดแทนหุ้นกู้เดิมที่ครบกำหนด
สำหรับผลประกอบการในปี 54 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 15-20% จากปีก่อน แม้เศรษฐกิจขยายตัวได้ดี โดยต้องติดตามในหลายปัจจัย ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนเปิดโครงการต่อเนื่อง มูลค่ารวมประมาณ 20,000 ล้านบาท คาดใช้เงินลงทุนราว 7-8 พันล้านบาท
ปัจจัยเสี่ยงของการทำธุรกิจปีนี้มองว่าเป็นเรื่องของทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นที่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อ ซึ่งเป็นผลจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น ดังนั้น จึงต้องติดตามว่าธนาคารแห่งประเทศไทย จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีกมากน้อยแค่ไหน แต่ส่วนตัวมองว่า ธปท.มีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% มาอยู่ที่ 3% ในสิ้นปี 54 จากก่อนหน้านี้ปรับขึ้นมาแล้ว 1 ครั้ง ที่ 0.25%
ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อผู้บริโภค ขึ้นอยู่แต่ละ segment ซึ่งหากเป็นผู้มีเงินเดือนอย่างเดียว โดยไม่มีเงินออมจะได้รับผลกระทบมากกว่า
"ปีนี้ที่ทำให้เกิดความยุ่งยากคือดอกเบี้ยที่สูงขึ้นกระทบภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งน้ำมันขึ้น เงินเฟ้อขึ้น ดอกเบี้ยก็ต้องขึ้นเพื่อสกัดกำลังซื้อ" นายรัตน์ กล่าว
นายรัตน์ กล่าวว่า บริษัทจะมีการทบทวนเป้าหมายรายได้ในปีนี้อีกครั้งในช่วงไตรมาส 2/54 โดยขอติดตามปัจจัยต่างๆ อีกระยะ เนื่องจากในช่วงจัดทำประมาณการรายได้เติบโต 15-20% คาดการณ์ว่าทั้งปี ธปท.จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายแค่ 0.75% แต่ขณะนี้ประเมินว่าจะปรับขึ้นถึง 1%
ส่วนการพิจารณาปรับขึ้นราคาขายบ้านของ QH ต้องพิจารณาว่าตลาดรับไหวหรือไม่ แต่ขณะนี้ต้นทุนการก่อสร้างปรับเพิ่มขึ้นแล้ว ประกอบกับ รัฐบาลเองได้มีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ทำให้สินค้าทุกอย่างปรับสูงขึ้น ดังนั้น บริษัทต้องพิจารณาก่อนว่าจะมีการปรับขึ้นราคาขายมากน้อยแค่ไหน เพื่อไม่ให้กระทบกำลังซื้อด้วย
นายรัตน์ ยังกล่าวในฐานะประธานกรรมการบริหาร ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์เพื่อรายย่อย(LH Bank)ว่า ขณะนี้ธนาคารไม่ได้เร่งรีบหาพันธมิตรร่วมทุน โดยขอให้ธนาคารมีการเติบโตในระดับพอสมควร มีการยกระดับเป็นธนาคารพาณิชย์ และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ให้แล้วเสร็จก่อน
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าขณะนี้มีการเจรจากับพันธมิตร แต่ยังไม่ได้เป็นการเจรจาอย่างจริงจัง เพื่อให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว แต่ขอให้การดำเนินการของธนาคารนิ่งก่อน
"ตอนนี้เราไม่เร่งหาพันธมิตร และตอนนี้เราไม่ได้เล็กเหมือนเดิมแต่ก็ไม่ได้เร่งโตขอเข้าตลาดก่อนค่อยหา...บริษัทที่เข้าตลาดคือ บมจ.แอล เอช ไฟแนนเชียล กรุ๊ป เมื่อเข้าตลาดแล้วก็ดูว่าพันธมิตรจะเข้ามาตรงไหน จะเข้ามาที่ไฟแนนซ์เชียลหรือแบงก์ ก็ต้องมีเงื่อนไขตกลงกัน"นายรัตน์ กล่าว