บมจ.เอสวีไอ(SVI) คาดว่าการเจรจาเข้าซื้อกิจการในประเทศแถบยุโรปจะมีข้อสรุปภายในไตรมาส 3/54 โดยคาดว่าจะใช้เม็ดเงินราว 3 พันล้านบาท ซึ่งหากเรื่องดังกล่าวสำเร็จก็จะทำให้รายได้ของบริษัทในปี 55 เพิ่มขึ้นแตะ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ จากปีนี้คาดว่าจะทำรายได้ราว 330 ล้านเหรียญสหรัฐ
นายพงษ์ศักดิ์ โล่ห์ทองคำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SVI กล่าวว่า บริษัทคาดว่าในปี 55 รายได้มีโอกาสจะสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เดิมที่ 420 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยน่าจะทำรายได้ราว 500 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากการที่บริษัทเข้าไปซื้อกิจการบริษัทในยุโรปจะทำให้มีรายได้เข้ามาเพิ่มขึ้น จากที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา 2 ราย ซึ่งคาดว่าจะเลือกเพียง 1 รายเท่านั้น และน่าจะใช้เงินลงทุนไม่เกิน 3 พันล้านบาท
การซื้อกิจการดังกล่าวจะส่งผลให้รายได้เพิ่มขึ้นอย่างเป็นนัย นอกเหนือจากการเติบโตในปัจจุบันที่สัญญาณความต้องการของลูกค้าเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก โดยขณะนี้มียอดออร์เดอร์เข้ามาแล้วถึง 70% ของยอดขายในปีนี้
"เราจะเห็นการเริ่มเติบโตในไตรมาสที่ 2 ปีนี้ แต่ในไตรมาส 1 ก็คงจะมียอดขายในระดับเดียวกับไตรมาส 4 ปีก่อนที่ 80 ล้านเหรียญฯ แต่ต่อไปคงจะเห็นเราเติบโตได้ค่อนข้างมาก ปัญหาต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบก็หมดไป ปัญหาอัตราแลกเปลี่ยนก็ไม่มี เพราะเรา hedge ส่วนต่างวัสดุที่เราซื้อมาแล้วกับเงินที่เราเก็บไว้ 50%"นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวต่อว่า บริษัทมีแผนจะเจาะตลาดสหรัฐในปีหน้า ซึ่งจะเป็นการต่อยอดธุรกิจและการสร้างฐานลูกค้าที่มากขึ้น เพราะขณะนี้ตลาดสหรัฐถือว่ามีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดี
นอกจากนั้น ขณะนี้บริษัทยังได้รับความสนใจจากนักลงทุนค่อนข้างมาก และมีการเข้ามาพูดคุยกับบริษัทและขอข้อมูลอย่างต่อเนื่อง โดยพรุ่งนี้ก็จะมีนักลงทุนสถาบันเข้ามาพบ ซึ่งน่าจะทำให้เป้าหมายการถือหุ้นของนักลงทุนสถาบันมีโอกาสเพิ่มเป็น 15% ในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันที่ 8% ส่งผลให้หุ้นของบริษัทมีเสถียรภาพมากขึ้น เพราะกลุ่มดังกล่าวจะมีการถือหุ้นในระยะยาว อีกทั้งอาจช่วยต่อยอดธุรกิจในอนาคตด้วย