นายชเนศร เพ็ญชาติ กรรมการผู้จัดการ บมจ.จุฑานาวี (JUTHA)คาดว่า ในปี 54 รายได้ของบริษัทจะเพิ่มเป็น 400 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 378.63 ล้านบาท เป็นผลมาจากการรับจ้างบริหารจัดการเรือในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 14 ลำ จากปีก่อนมี 11 ลำ ทำให้รายได้ส่วนนี้เพิ่มเป็น 40 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 27.78 ล้านบาท และรายได้จากการให้บริการที่ใช้เรือของบริษัทเอง 5 ลำ จะใกล้เคียงปีก่อนที่อยู่ 350 ล้านบาท
และคาดว่าในปี 54 จะมีกำไรจากการดำเนินงาน จากปีก่อนที่มีผลขาดทุนจากการดำเนินงาน 2.11 ล้านบาท เนื่องจากการบริหารจัดการเรือมีกำไรสูง และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากค่าใช้จ่ายของพนักงาน นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากการบริหารจัดการเรือเต็มปี จากปีก่อนที่เริ่มบริหารจัดการเรือในไตรมาส 3/54 จาก 3 ลำ และเพิ่มเป็น 11 ลำในปลายปี 53 ขณะที่ในช่วงครึ่งแรกปี 54 บริษัทได้รับบริหารจัดการเรือเพิ่มอีก 3 ลำ
อย่างไรก็ตาม แม้ปี 53 บริษัทจะมีกำไรสุทธิ 112 ล้านบาท แต่เป็นกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 103 ล้านบาท และอีกส่วนหนึ่งเป็นกำไรจากการขายเรือ
"ปีนี้คาดว่าจะรีเทิร์นเป็นกำไรได้ เพราะเราบริหารจัดการเรือเต็มปี แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่รายรับเป็นเงินดอลลาร์ทั้งหมด ต้องรอดูอัตราแลกเปลี่ยน" นายชเนศร กล่าว
บริษัทประเมินว่าในปีนี้อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยอยู่ที่ 30 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากปีก่อนที่เงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 31 บาท/ดอลลาร์กว่า โดยเงินบาทแข็งค่าทุก ๆ 1 บาท/ดอลลาร์ จะกระทบรายได้ของบริษัทประมาณ 12 ล้านบาท จากปีก่อนมีรายได้ในรูปดอลลาร์ ประมาณ 12 ล้านดอลลาร์
ส่วนปัจจัยเสี่ยงจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นไม่ได้มีผลต่อบริษัท โดยเฉพาะในธุรกิจบริหารจัดการเรือนั้น ผู้ว่าจ้างจะเป็นผู้รับภาระดังกล่าว ขณะที่ปัจจุบันบริษัทได้หยุดให้บริการขนส่งสินค้าทางเรือ เนื่องจากธุรกิจเดินเรือยังมีแนวโน้มเป็นขาลง
"เราพยายามประคับประคองให้ช่วงนี้ผ่านพ้นไปได้ มอง cycle ธุรกิจเดินเรือมีอายุ 5 ปี ซึ่งปรับลงมาแล้ว 2 ปีครึ่ง ถึง 3 ปี ผมคิดว่าปี 54 ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากจากปีที่แล้ว" นายชเนศร กล่าว
สำหรับปีนี้บริษัทไม่มีแผนจัดซื้อเรือใหม่หรือเรือมือสอง โดยรอดูแนวโน้มเศรษฐกิจโลก หากฟื้นตัวอาจมีการพิจารณาการลงทุนอีกครั้ง ขณะเดียวกันบริษัทจะทยอยชำระคืนหนี้ต่อเนื่องเพื่อลดภาระดอกเบี้ยจ่าย จากปัจจุบันมีภาระหนี้สินรวม 1,300 ล้านบาท มีอัตราหนี้สินต่อทุน อยู่ที่ 1.8 เท่า