นางสาวณัฐรินทร์ ตาลทอง ประธานกรรมการบริหาร บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า ในปี 54 ตั้งเป้ามีรายได้รวม 1,355 ล้านบาท เติบโต 29% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,041.82 ล้านบาท และมีเป้าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดปีนี้เป็น 4.7% เป็น 1 ใน 5 อันดับโบรกเกอร์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด จากปีก่อนอยู่ที่ 3.47% เป็นอันดับที่ 13 ของธุรกิจบริษัทหลักทรัพย์
นอกจากนั้น บริษัทยังตั้งเป้าในปีนี้จะเพิ่มบัญชีลูกค้าอีก 6 พันบัญชี จากปีก่อนที่มี 2.2 หมื่นบัญชี และมีแผนเปิดสาขาเพิ่มอีก 27 สาขา แบ่งเป็นสาขาย่อยในธนาคารกสิกรไทย 25 สาขา ในกทม.และปริมณฑล ส่วนอีก 2 สาขาเป็นสาขาเต็มรูปแบบในพื้นที่ภาคตะวันออกและภาคใต้ รวมทั้งมีแผนเพิ่มเจ้าหน้าที่การตลาดอีก 150 คน จากปัจจุบัน 160 คน เพื่อรองรับการเปิดสาขาใหม่
ทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 54 บริษัทมุ่งเตรียมความพร้อมรับมือกับการเปิดเสรีค่าคอมมิชชั่นที่จะเกิดขึ้นในปี 55 โดยยังใช้กลยุทธ์เดิมควบคู่กับการทำงานร่วมกับเครือธนาคารกสิกรไทย พร้อมชูแนวคิด“ความสุขคู่การลงทุน"เน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และช่องทางการลงทุนให้มีความสะดวกสบาย เพื่อเป้าหมายสูงสุดตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเป็นที่ตั้ง รวมทั้งบริหารจัดการในเชิงต้นทุนให้มีประสิทธิภาพเช่นเดียวกับปีที่ผ่านๆ มา
ทั้งนี้ สายงานจัดการเงินทุนบุคคล มีแผนเปิดสาขาต่อเนื่องจากปีก่อนทั้งในรูปแบบ Business Service Center และ KIC (K Investment Corner) ให้ครบ 48 สาขาทั่วประเทศ เพื่อทำให้ภายในสิ้นปีนี้จะเป็นบริษัทหลักทรัพย์ที่มีสาขาเข้าถึงลูกค้ามากสุดเป็นอันดับ 1 ในไทย เนื่องจากมองว่าการเพิ่มช่องทางการลงทุนเข้าถึงลูกค้าอย่างเป็นระบบ จะทำให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายยิ่งขึ้น ขณะที่ในส่วนของธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์มีแผนพัฒนา K-Cyber Trade website เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกรรมออนไลน์
ส่วนสายงานวาณิชธนกิจ มีแผนสร้างแบรนด์ชูความเป็นผู้นำในการเสนอบริการแบบ Uniquely Integrated Solution ให้กับลูกค้า พร้อมเพิ่มการเป็น Industry Specialist โดยปีนี้เน้นทางด้าน Renewable Energy สอดคล้องกับทิศทางของเครือธนาคารกสิกรไทย และ สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ จะมุ่งผลิตและพัฒนาข้อมูลบทวิเคราะห์เชิงลึกที่ครบถ้วนให้สอดรับกับความต้องการของลูกค้าและภาวะการลงทุนตลาด เพื่อเป็นเครื่องมือประกอบการตัดสินใจในทุกๆ ภาวะการลงทุน ทำให้เกิดการลงทุนที่ถูกต้องและแม่นยำยิ่งขึ้น
ขณะที่สายงานกลยุทธ์องค์กร มีแผนขยายฐานนักลงทุนหน้าใหม่ต่อเนื่องจากปีที่แล้ว โดยเน้นสานต่อโครงการที่ประสบความสำเร็จ ได้แก่ โครงการ KS The Young Turk Investor และโครงการ KS The Great Investor ขณะเดียวกันเตรียมเปิดตัวอีก 1 โครงการใหม่เพื่อเพิ่มองค์ความรู้กับลูกค้าปัจจุบัน ซึ่งเกิดขึ้นจากแนวคิด KS Investment Academy ขณะเดียวกันยังคงรักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อลูกค้าปัจจุบัน ด้วยการสานต่อโครงการ KS Amazing Point สะสมคะแนนนำมาแลกเป็นไมล์สะสมหรือคะแนนสะสม Kbank Reward Point ผ่านบัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทย หรือแลกเป็นทองคำก็ได้
นายวรวัจน์ สุวคนธ์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ กล่าวว่า บริษัทคาดว่าในปีนี้สัดส่วนรายได้จากวาณิชธนกิจจะเพิ่มเป็น 20-25% ของรายได้รวม จากปีก่อนอยู่ที่ไม่ถึง 10% โดยในช่วงครึ่งปีแรกมีงานที่ปรึกษาการเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 2 ดีล โดยหนึ่งในนั้นเป็น บริษัท น้ำตาลครบุรี ส่วนอีก 1 รายเป็นบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์
นอกจากนั้นยังมีงานที่ปรึกษาการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนทั้ง PO และ PP อีก 1-2 ดีล เป็นไปตามแนวโน้มตลาดที่เติบโตดีขึ้น ราคาหุ้นดีขึ้น ทำให้ต้นทุนในการระดมทุนต่ำลง บริษัทหลายแห่งจึงสนใจเข้ามาระดมทุนเพิ่มขึ้น และบริษัทยังมีงานที่ปรึกษาการทำ M&A อีก 3-4 ดีล โดยงานสำคัญคือการควบรวมกิจการระหว่าง PTTAR และ PTTCH ซึ่งบริษัทเป็นที่ปรึกษาของฝ่าย PTTCH
"แนวโน้มการควบรวมกิจการในปีนี้ธุรกิจประกันชีวิตและประกันภัยมีโอกาสควบรวมกิจการกันมากขึ้น เนื่องจากปีนี้จะมีกฎหมายที่กำหนดงเนทุนขั้นต้นของธุรกิจดังกล่าวสูงขึ้น ซึ่งธุรกิจประกันมีบริษัทขนาดเล็กค่อนข้างมาก หากจะแข่งขันกับบริษัทขนาดใหญ่ได้ก็จำเป็นต้องควบรวมกิจการ"นายวรวัจน์ กล่าว