ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่อ่อนตัวลงเช้านี้ เหตุวิตกราคาน้ำมันพุ่ง

ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่อ่อนตัวลงเช้านี้ หลังจากที่ราคาน้ำมันดีดตัวสูงขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงในประเทศลิเบีย ซึ่งจุดชนวนความวิตกกังวลว่า ต้นทุนด้านเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ประกอบกับดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (4 มี.ค.)

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 10,626.97 จุด ลดลง 66.69 จุด ส่วนดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนบวก 0.35% แตะ 2,952.72 จุด ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงลบ 151.72 จุด หรือ 0.65% แตะ 23,257.14 จุด ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นโซลเปิดวันนี้ที่ 1,996.48 จุด ลดลง 8.20 จุด สำหรับดัชนีเวทเต็ดตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,761.30 จุด ลดลง 23.10 จุด ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 4,850.70 จุด ลดลง 13.60 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,521.34 จุด ลดลง 1.27 จุด

หุ้นโตโยต้าร่วงลง 2.4% หุ้นมิตซุย แอนด์ โค ร่วง 1.8% หุ้นชาร์ป ลบ 1.3% ขณะหุ้นอินเพ็กซ์ คอร์ป พุ่ง 1.4%

ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีครึ่งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากเหตุการณ์ตึงเครียดทางการเมืองในลิเบียทวีความรุนแรงขึ้น นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนก.พ.ของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเกือบ 200,000 ตำแหน่ง ซึ่งทำให้นักลงทุนมองว่าการจ้างงานที่สูงขึ้นจะช่วยหนุนความต้องการพลังงานให้เพิ่มขึ้นด้วย

สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 2.51 ดอลลาร์ หรือ 2.46% ปิดที่ 104.42 ดอลลาร์/บาเรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 26 ก.ย.ปี 2551

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากราคาน้ำมันดิบ NYMEX พุ่งขึ้นกว่า 2 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์รุนแรงในลิเบีย นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบยังบดบังตัวเลขจ้างงานที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งของสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 88.32 จุด หรือ 0.72% ปิดที่ 12,169.88 จุด ดัชนี s&P 500 ขยับลง 9.82 จุด หรือ 0.74% ปิดที่ 1,321.15 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 14.07 จุด หรือ 0.50% ปิดที่ 2,784.67 จุด