จับตาท่าทีรัฐบาลแก้ปัญหาราคาสินค้า หลังนายกฯ เรียกประชุมด่วนกพช.-กขช.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 7, 2011 09:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

  • จับตาการแก้ปัญหาเร่งด่วนเฉพาะหน้า โดยช่วงเย็นวันนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมด่วนคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) เพื่อถกแนวทางแก้ปัญหาราคาน้ำมันแพง หลังสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเหือดแห้งเหลือเงินที่จะนำมาชดเชยราคาน้ำมันดีเซลเพียง 7 พันล้านบาท ซึ่งกระทรวงพลังงานมองว่าจะใช้ได้ไม่เกินสิ้นเดือน มี.ค.นี้ ซึ่งเงินกองทุนน้ำมันฯ หมดเร็วกว่ากรอบเวลาที่กำหนดไว้ในช่วงสิ้นเดือน เม.ย.
  • นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง จะร่วมหารือกับ นายกรัฐมนตรี และนพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน โดยจะมีการนำข้อเท็จจริงของสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงว่า มีจำนวนเงินเหลือเพียงพอต่อการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลได้นานเท่าไหร่ จากนั้นจะพิจารณาว่าควรใช้มาตรการอะไร เนื่องจากที่ผ่านมาราคาน้ำมันปรับตัวสูงผิดปกติจากสถานการณ์ในตะวันออกกลาง ระหว่างการกู้เงิน การลดการเก็บภาษีสรรพสามิต และการขยับเพดานการตรึงราคาให้สูงกว่า 30 บาท
  • อีกเรื่องที่กำลังเป็นประเด็นร้อนเกี่ยวกับราคาข้าวตกต่ำ โดยนายกฯ จะเรียกประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ(กขช.) เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว หลังมีเกษตรกรหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคกลางออกมาชุมนุมประท้วงเรียกร้องให้รัฐบาลปรับเพิ่มราคารับประกันข้าวจากตันละ 8 พันบาท เป็น 14,000 บาท และขยายโควตาจากรายละ 25 ตัน เป็น 40 ตัน
  • ส่วนภารกิจตามตารางงานเดิมของนายกรัฐมนตรี ช่วงเช้าให้นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย นำประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้และคณะเข้าพบที่ทำเนียบรัฐบาล ต่อด้วยการบันทึกเทปคำปราศรัยเนื่องในโอกาสวันสตรีสากลประจำปี 2554 และให้สัมภาษณ์ประกอบวิดีทัศน์ในโอกาสที่ สน.บุคคโล ขอรับรางวัล United Nations Public Service Awards ประจำปี ค.ศ.2011 ขององค์การสหประชาชาติ

จากนั้นเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน, ประชุมชี้แจงความก้าวหน้าการดำเนินงาน, เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือและกล่าวมอบนโยบายในโครงการหนึ่งมหาวิทยาลัยหนึ่งจังหวัด

ช่วงบ่ายเดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาลไปเป็นประธานเปิดงานเรียนฟรี 15 ปี อย่างมีคุณภาพปีที่ 3 ที่อิมแพ็คเมืองทองธานี แล้วกลับมาประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติที่ทำเนียบรัฐบาล และปิดท้ายด้วยการร่วมงานเลี้ยงขอบคุณรัฐบาลประจำปี และกล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับประเด็น Thai-U.S. Creative Partnership ที่โรงแรมแกรนด์ไฮแอทเอราวัณ

  • ตามดูความคืบหน้าท่าทีพรรคเพื่อไทยเกี่ยวกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และยื่นคำร้องขอถอดถอนออกจากตำแหน่ง โดยมีการเปิดข้อมูลบุคคลใกล้ชิดนายกฯ แทรกแซงกระบวนการพิจารณาของอัยการสูงสุด จนนำไปสู่การไม่ฟ้องคดีที่บริษัทผู้ผลิตบุหรี่รายใหญ่กรณีสำแดงราคานำเข้าบุหรี่อันเป็นเท็จซึ่งทำให้รัฐเสียประโยชน์ 6.8 หมื่นล้านบาท และมีรายงานว่า นายเกียรติ สิทธีอมร ประธานผู้แทนการค้าไทย เตรียมออกมาชี้แจงรายละเอียดเรื่องดังกล่าว
  • ขณะเดียวกันยังต้องติดตามเรื่องความชัดเจนเกี่ยวกับกำหนดวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ จากเดิมที่มองกันไว้วันที่ 9-12 มี.ค.แล้วจะเลื่อนออกไปเป็น 15-18 มี.ค.แต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ลงตัว
  • นอกจากนี้ยังมีความคืบหน้าเกี่ยวกับการนัดหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เกี่ยวกับการกำหนดวันเลือกตั้งใหม่
  • นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เดินหน้ายื่นเรื่องต่อสถานทูตอังกฤษ เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสัญชาติของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
  • กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เตรียมไปยื่นฟ้องกล่าวโทษนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ฐานกระทำความโดยมิชอบ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้ประเทศไทยเสียดินแดน โดยมีประชาชนเข้าชื่อ 2 หมื่นรายชื่อเพื่อยื่นถอดถอนนายกฯ ในโอกาสเดียวกันนี้ด้วย
  • องค์การคลังสินค้า(อคส.) เดินทางไปดูตรวจสอบกระบวนการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบแยกไขครั้งที่ 2 จำนวน 3 หมื่นตัน ณ ท่าเรือไทยซูการ์เทอร์มินอล จ.สมุทรปราการ ซึ่งจะนำมาผลิตเป็นน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์บรรจุขวดจุกสีชมพูจำนวน 22 ล้านลิตร เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำมันปาล์มขาดแคลนและมีราคาแพง
  • ที่ประชุมคณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน(กกร.) คือ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.), สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย เตรียมหารือถึงนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำรอบ 2 ซึ่งส่งผลกระทบต่อต้นทุนของผู้ประกอบการเป็นอย่างมาก โดยเอกชนต้องการให้เป็นไปตามกลไกการพิจารณาของคณะกรรมการค่าจ้างกลาง(คณะกรรมการไตรภาคี) มากกว่าการชี้นำตจากฝ่ายการเมือง ซึ่งจะส่งผลกระทบไปถึงเรื่องอัตราเงินเฟ้อ และการลงทุนจากต่างประเทศ
  • นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน เป็นประธานเปิดสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานประจำเขต ในส่วนภูมิภาครวม 13 เขตทั่วประเทศ เพื่อรองรับภารกิจการให้บริการและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนผู้ใช้พลังงานที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการให้บริการของผู้ประกอบกิจการ เป็นไปตามนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(เรคกูเลเตอร์) และเพื่อให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.การประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ.2550 เพื่อทำหน้าที่ในการกำกับดูแลกิจการพลังงานของประเทศ และให้ความคุ้มครองแก่ผู้ใช้พลังงาน
  • นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) ในโครงการฝึกอบรมเชิงวิชาการหลักสูตรวุฒิบัตร คณะอนุกรรมการ คคบ. ประจำจังหวัด เทศบาล และ อบต. ที่โรงแรมรอยัล ปริ๊นเซส
  • พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายสังคม เป็นประธานประชุมคณะกรรมการพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ ที่ทำเนียบรัฐบาล
  • สายการบินไทยแอร์เอเชีย แถลงก้าวสู่ปีที่ 8 ในปี 2554 นี้ และพร้อมขยายธุรกิจการบินอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้สายการบินเตรียมออกและเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชน(IPO) เข้าสู่ตลาด SET ในไตรมาส 4 ที่โรงแรมแกนด์ไฮแอทเอราวัณ
  • ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด(ไทย) จำกัด(มหาชน) จัดงานพบปะพูดคุยกับซีอีโอของธนาคารฯ ในหัวข้อเรื่อง ผลประกอบการของปี 2553 และทิศทางธุรกิจในปี 2554 ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่น
  • นายธีรศักดิ์ สุวรรณยศ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย เป็นประธานการแถลงข่าวการจัดงานเปิดตัวโครงการ "ibank ยกระดับอุตสาหกรรม"ibank ยกระดับอุตสาหกรรมเครื่องแต่งกายมุสลิม" เพื่อยกระดับวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามนโยบายรัฐบาล โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค
  • นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง แถลงข่าวความคืบหน้าโครงการ "ปฎิบัติการประชาวิวัฒน์" บริเวณข้างตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบ
  • นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เป็นประธานแถลงข่าว โครงการประกาศเกียรติคุณผู้ส่งออกสินค้าและบริการดีเด่น ประจำปี 2554 หรือ Prime Minister's Export Award 2011 ที่ห้องประชุม ชั้น 4 สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์
  • ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จัดโรดโชว์ให้ข้อมูลแก่ผู้ลงทุนที่ประเทศญี่ปุ่น ร่วมกับบริษัท Daiwa Securities Capital Markets ในงาน“Daiwa Conference investment 2011" วันที่ 7-11 มีนาคมนี้ เป็นการจัดงานครั้งแรกของปี 54 เพื่อเป็นการช่วยเพิ่มสสภาพคล่องตลาดหุ้น โดยจะมีบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ที่มีผลประกอบการดี และเป็นที่สนใจของผู้ลงทุน ร่วมเดินทางไปด้วยจำนวน 4 บริษัท ได้แก่ บมจ.ไทยออยล์ (TOP), ธนาคารกรุงเทพ (BBL), บมจ. ปตท.(PTT), บมจ. ไออาร์พีซี (IRPC)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ