นายทัศพล แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย เปิดเผยว่า บริษัทจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในไตรมาส 4/54 โดยจะระดมทุนผ่านการเสนอขายหุ้น IPO อย่างน้อย 150 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีที่ปรึกษา ได้แก่ บล.เครดิตสวิส (ประเทศไทย ) บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) และ บล.ธนชาต
ทั้งนี้ เงินที่ระดมทุนได้จะนำมาใช้การลงทุนในอนาคต และรับมอบเครื่องบินใหม่ 20 ลำ เป็นเครื่องแอร์บัส A320
นอกจากนี้ จะนำเงินไปชำระหนี้คืนจำนวน 1.4 พันล้านบาท และหลังเข้าตลาดหุ้นคาดว่าจะสามารถล้างขาดทุนสะสมอยู่ประมาณ 1 พันล้านบาท
"หลังจากบริษัทประสบวิกฤตช่วงราคาน้ำมันแพง มีขาดทุนสะสมเหลือประมาณ 1,000 ล้านบาท หลังเข้าตลาด น่าจะล้างขาดทุนสะสมได้ แต่จะจ่ายปันผลหรือไม่ ยังคงต้องรอดูสถานการณ์ " นายทัศพล กล่าว
ทั้งนี้ ไทยแอร์เอเชียจะขายหุ้น IPO ให้กับนักลงทุนไทยและต่างประเทศ เบื้องต้นจะกระจายหุ้น 25% ของทุนจดทะเบียน โดยปัจจุบันมีทุนจดทะเบียนอยู่ 400 ล้านบาท หลังเข้าตลาดทุนจดทะเบียนจะเพิ่มเป็น 4 พันล้านบาท
นายทัศพล กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 54 ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท จำนวนผู้โดยสารทั้งในและต่างประเทศเพิ่มเป็น 7 ล้านคน และอัตราบรรทุกผู้โดยสารที่ 80% จากปี 53 ที่มีรายได้รวม 1.24 หมื่นล้านบาท กำไรสุทธิ 2.84 พันล้านบาท อัตราขนส่งบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ย 78% และมียอดผู้โดยสารที่เดินทางกับสายการบินไทยแอร์เอเชีย 5.8 ล้านคน ซึ่งเมื่อปีที่แล้วไทยแอร์เอเชียเปิดเส้นทางการบินใหม่ไปยังประเทศอินเดียที่เมืองเดลี และเมืองกัลกัตตา
และในปี 54 จะพยายามรักษาอัตรากำไรสุทธิใกล้เคียงปีก่อนที่อยู่ในระดับ 22-23% เนื่องจากธุรกิจการบินในปีนี้จะยังแข่งขันกันสูง และยังมีปัจจัยความกังวลเรื่องราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่บริษัทเชื่อว่าจะสามารถบริหารจัดการได้ โดยจะไม่ปรับเพิ่มขึ้นค่าธรรมเนียมน้ำมันจนกว่าราคาน้ำมันจะสูงไปเกินกว่า 125 เหรียญ/บาร์เรล
นายทศพล กล่าวว่า บริษัทวางแผนธุรกิจในปี 3 ปีข้างหน้า(ปี 55-57)จะมีรายได้เติบโตปีละ 35-40% จากการที่บริษัทมีแผนเพิ่มฝูงบินอย่างต่อเนื่อง และอาจจะมีการหารายได้เพิ่มนอกเหนือจากการขายตั๋ว ได้แก่ การขายสินค้าดิวตี้ฟรีบนเครื่อง เป็นต้น
ทั้งนี้ การเติบโตของรายได้ปีนี้มาจากการเพิ่มจำนวนเครื่องบินอีก 3 ลำ โดยรับมอบในเดือน ม.ค., ก.ย.และ ธ.ค.54 ซึ่งตามแผนบริษัทจะเพิ่มจำนวนเครื่องบินใหม่อีก 20 ลำภายในปี 59 จากปัจจุบันที่มี 20 ลำ ซึ่งจะทยอยส่งมอบตั้งแต่ปีนี้ โดยการเพิ่มจำนวนเครื่องบินใหม่ช่วยทำให้เปิดเส้นทางการบินใหม่เพิ่มเติมทั้งในอินเดีย ลาว และฟิลิปปินส์ พร้อมทั้งขยายศูนย์การบิน (hub) จากที่มีปัจจุบันมีอยู่ที่กรุงเทพ และเพิ่งเปิดในเชียงใหม่ เมื่อ ม.ค.54