นายขวัญชัย ณัฎฐ์เศรษฐ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.สาลี่คัลเล่อร์ ผู้ผลิตและจำหน่ายเม็ดพลาสติกมาสเตอร์แบตซ์, เม็ดพลาสติกคอมพาวด์ และสีผสมพลาสติกชนิดผง ในเครือ SALEE เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ถึงกรณีการเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 30 ล้านหุ้นว่า ล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)นับ 1 ข้อมูล Filing แล้ว
ทั้งนี้ บริษัทเชื่อว่าได้รับการอนุมัติให้เสนอขายได้ในเร็ววันนี้ แต่ช่วงนี้ภาวะตลาดหุ้นไทยดูจะชะลอตัวลง ดังนั้น จึงคาดว่าการเสนอขายหุ้น IPO ของบริษัทคงจะทำได้ในช่วงเดือนเมษายนหรือพฤษภาคมแทน จากเดิมที่คาดหมายว่าจะเป็นตัวแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดฯของปีนี้ ก็คงจะเป็นไปไม่ได้แล้ว
"ตอนนี้สภาวะตลาดฯดูชะลอ ๆ ลงเข้าตลาดฯช่วยคงจะไม่สนุก หุ้นคงจะไม่คึกคักเท่าไร แต่ก็คาดไว้ว่าจะเข้าตลาดฯในช่วงเดือนเมษายนหรือพฤษภาคมนี้ สำหรับราคาเสนอขายก็ยังไม่ได้กำหนด ก็ต้องรอการประเมินจากบรรดาอันเดอร์ไรต์ กับนักวิเคราะห์ฯก่อนว่าจะประเมินที่ราคาเท่าไร แล้วค่อยมาตัดสินใจกันอีกที"นายขวัญชัย กล่าว
อนึ่ง บริษัทฯมีวัตถุประสงค์ในการระดมทุน เพื่อนำเงินไปใช้ลงทุนในโครงการปรับปรุงและขยายสายการผลิต 50-60%, ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน 30% และใช้ชำระคืนเงินกู้ยืม 20% โดยจะใช้เงินในช่วงไตรมาส 2-3/54
*"สาลี่คัลเล่อร์"เผยปี 53 มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากปี 52 ที่มี 11.6 ล้านบาท
กรรมการผู้จัดการ "สาลี่คัลเล่อร์" กล่าวต่อว่า ผลประกอบการของบริษัทฯในปี 53 ขณะนี้ก็ได้ปิดงบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้นำเข้าสู่การประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อ 2 วันก่อน ซึ่งปีที่ผ่านมาบริษัทฯมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากปี 52 ที่มีกำไรสุทธิ 11.6 ล้านบาท แต่ยังบอกตัวเลขที่ชัดเจนไม่ได้ในตอนนี้เพราะต้องรอให้มีการ update ข้อมูลใน Filing ก่อน ซึ่งคาดว่าจะเปิดเผยผ่าน Filing ได้ในเร็ว ๆ นี้
แต่ทั้งนี้หากพิจารณาที่งบการเงินแล้วจะเห็นได้ว่ายอดขายของบริษัทฯในปี 53 ลดลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับปี 52 เนื่องจากบริษัทฯได้มีเงื่อนไขทางการค้าของกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทฯมีการเปลี่ยนแปลง
สำหรับการจ่ายเงินปันผลก็ต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการของบริษัทฯพิจารณา แต่ทั้งนี้กำไรสะสมของบริษัทฯขณะนี้ยังมีอยู่น้อย ขณะเดียวกับบริษัทฯก็มีแผนจะขยายธุรกิจ ดังนั้น ก็มีโอกาสที่จะเก็บไว้ใช้ในการขยายธุรกิจก่อน
ข้อมูล Filing ล่าสุดเมื่อ 30 พ.ย.53 ระบุว่า SALEE ถือหุ้น บมจ.สาลี่คัลเล่อร์ ในสัดส่วน 10.85% ภายหลังจากขาย IPO จะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 8.61%