นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(mai) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(mai)65 บริษัท นำส่งงบการเงินสำหรับปี 53 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.53 มียอดขายรวม 55,086 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.08% และกำไรสุทธิรวม 3,235 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.69% จากปี 52 โดยปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนใน mai ประกาศจ่ายปันผลรวม 1,850 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทน 6.00%
บริษัทจดทะเบียนในตลาด mai ที่มีกำไรสุทธิมีจำนวน 54 บริษัท คิดเป็น 83% ของบริษัทจดทะเบียนใน mai โดยบริษัทที่มีกำไรสุทธิมากที่สุด 5 ลำดับแรกได้แก่ บมจ.โกลด์ไฟน์ แมนูแฟคเจอเรอส์ (GFM) บมจ. เอแคป แอ๊ดไวเซอรี่ (ACAP) บมจ. เกียรติธนา ขนส่ง (KIAT) บมจ. ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น (TRC) และ บมจ. บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป (BROOK
"ท่ามกลางวิกฤตการทางการเมืองในช่วงครึ่งปีแรกโดยมีการฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทจดทะเบียนใน mai ซึ่งเป็นบริษัทขนาดกลางและเล็กสามารถปรับตัวได้ดี โดยจะเห็นได้ชัดจากการที่มียอดขายเพิ่มขึ้นและรักษาอัตรากำไรขั้นต้นได้ที่ 22.32%" นายชนิตร กล่าว
นอกจากนี้ พบว่าบริษัทจดทะเบียนใน mai จำนวน 11 บริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้น โดยสามารถทำกำไรเติบโตได้เกิน 100% ได้แก่ บมจ.เอเชีย กรีน เอนเนอจี (AGE) บมจ. เออาร์ไอพี (ARIP) บมจ. บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป (BROOK) บมจ. ซีพีอาร์ โกมุ อินดัสเตรียล (CPR) บมจ. เอฟโวลูชั่น แคปปิตอล (E) บมจ. อินเตอร์เนชั่นแนล รีเสริช คอร์ปอเรชั่น (IRCP) บมจ. ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ (L&E) บมจ. ผลธัญญะ (PHOL) บมจ. พรพรหมเม็ททอล (PPM) บมจ. สตีล อินเตอร์เทค (STEEL) และ บมจ. ยูนิเวอร์แซล แอดซอร์บเบ้นท์ แอนด์ เคมิคัลส์ (UAC)
บริษัทที่พลิกจากขาดทุนเป็นกำไรในปีนี้มี 6 บริษัท ได้แก่ บมจ. ซีเอ็ม ออร์กาไนเซอร์ (CMO) บมจ. ชูไก (CRANE) บมจ. ปิโก (ไทยแลนด์) (PICO) บมจ. ไทยมิตซูวา (TMW) บมจ. ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น (TRC) และ บมจ. ทรีซิกตี้ไฟว์ (TSF) นายชนิตร กล่าวสรุป
ปัจจุบัน มีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai 65 บริษัท และ ณ วันที่ 4 มีนาคม 54 ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 266.61 จุด มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมอยู่ที่ 52,983.28 ล้านบาท