นายสุวิทย์ มโนมัยยานนท์ กรรมการและรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโสฝ่ายขาย บมจ.โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น (TTCL) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทจะใช้เงินลงทุน 2,000 ล้านบาทในการเข้าร่วมลงทุนกับพันธมิตรบังคลาเทศ จัดตั้งเป็นบริษัทร่วมทุนใหม่เพื่อเข้ารับงานบริหารการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 250 เมกะวัตต์ที่รัฐบาลบังคลาเทศเปิดประมูล และคาดว่าจะรู้ผลประมูลในไตรมาส 4/54
ทั้งนี้ เป็นไปตามแผนกลยุทธ์ของบริษัทในช่วง 5 ปีนับจากปี 54 ที่ตั้งเป้าจะเติบโตในต่างประเทศ โดยจะเป็นลักษณะการถือหุ้นส่วนและรับงานรับเหมาโรงไฟฟ้า ระบบประปา ซึ่งรวมไปถึงประเทศปากีสถาน และอินเดีย ซึ่งทั้ง 2 ประเทศดังกล่าวบริษัทได้เริ่มเข้าไปเจรจาหาผู้ร่วมทุนบ้างแล้ว
"เราวางแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี ที่มีแผนโตนอกบ้านเราจะใช้โมเดลธุรกิจที่ลงทุนในบริษัท นวนครการไฟฟ้า ถือหมวก 2 ใบที่เป็นทั้งผู้ลงทุนและผู้รับเหมาฯ"นายสุวิทย์ กล่าว
นายสุวิทย์ กล่าวถึงการเข้าไปร่วมลงทุนในอิรักหรือประเทศแถบตะวันออกกลางว่า ขณะนี้ได้ชะลอออกไปก่อน หลังเกิดเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองและความรุนแรงในตะวันออกกลางและลิเบีย ปัจจุบัน บริษัทมีงานที่อาบูดาบี ซึ่งเป็นงานรับออกแบบเท่านั้น จึงไม่มีความเสี่ยงเกิดขึ้นมากนัก อย่างไรก็ตาม คาดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นไม่นานนัก
ก่อนหน้านี้ บริษัทได้เข้าไปจัดตั้งบริษัทร่วมทุนชื่อ โตโยไทยอิรัก ในประเทซอิรักร่วมกับพันธมิตรท้องถิ่น เพื่อรับงานโรงฟฟ้าถ่านหินในอิรัก 2 โครงการมูลค่า 200 เมกะวัตต์และ 300 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะรู้ผลในปีหน้า
ขณะในอินโดฯ บริษัทได้ร่วมกับชิโยดะ เข้าไปประมูลงานสร้างโรงงานเคมีมูลค่า 2000 ล้านบาท คาดว่าจะรู้ผลประมูลในเดือนเม.ย.นี้
สำหรับการลงทุนในบริษัท นวนครการไฟฟ้า บริษัทเข้าถือหุ้น 71% ของทุนจดทะเบีบน 1,525 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้งานก่อสร้างโรงไฟฟ้า SPP ขนาด 110 เมกะวัตต์ มูลค่างาน 4,000 ล้านบาท จะรับรู้รายได้ปี 54-55 ปีละ 2,000 ล้านบาท โดยเริ่มรับรู้ในไตรมาส 1/54 และโครงการนี้จะแล้วเสร็จในเดือน ส.ค. 55
นอกจากนี้ TTCL ยังมีรายได้จากเงินปันผลจากลงทุนในบริษัท นวนครการไฟฟ้า ปีละ 115 ล้านบาท รับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 56 ซึ่งมาจากการที่บริษัทดังกล่าวมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฝผ.)เป็นเวลา 25 ปี นอกจากนี้ นวนครการไฟฟ้าเตรียมยื่นประมูลโรงไฟฟ้า ที่จ.ปทุมธานี ในการเปิดประมูลโรงไฟฟ้า SPP รอบ 2 ที่เปิดรับจำนวน 2,000 เมกะวัตต์ คาดจะประกาศผลภายในปีนี้ จึงมีโอกาสที่ TTCL จะได้งานเพิ่มและมีรายได้จากเงินปันผลเพิ่มขึ้นด้วย
นายสุวิทย์ กล่าวว่า บริษัทคาดว่าในปี 54 จะมีอัตรากำไรสุทธิราว 6% ต่ำกว่าปีก่อนที่อยู่ในระดับ 6.4% แต่ในแง่ของรายได้คาดว่าจะเติบโต 40% มาเป็น 7 พันล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 5.2 พันล้านบาท
ในปีนี้บริษัทก็ยังคงเน้นงานที่มีคุณภาพและมีอัตรากำไรที่ดี ซึ่งเป็นนโยบายต่อเนื่องจากแผนการรับงานในปี 53 เพราะในปี 53 แม้ว่ารายได้จะลดลงไป 48% แต่สามารถสร้างอัตรากำไรสุทธิมในระดับสูง จากผลงาน 4 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ 50-53 บริษัทมีอัตรากำไรสุทธิเฉลี่ย 3.35%
ณ สิ้น ม.ค.54 บริษัทมีงานในมือ 8.8 พันล้านบาท รับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 5 พันล้านบาท ที่เหลือรับรู้ฯ ในปี 55 นอกจากนี้บริษัทคาดว่าจะเข้าประมูลงานในช่วงปี 54-55 มูลค่างาน 6 หมื่นล้านบาท และคาดว่าจะได้งาน 30% ของมูลค่างานที่เข้าประมูล หรือประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทได้มีการล็อกราคาวัสดุไว้ล่วงหน้าหลังจากที่ได้รับงานไว้แล้ว
นายสุวิทย์ กล่าวว่า ปัจจุบันบมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์(ITD)ยังถือหุ้นใน TTCL อยู่ราว 3.83% หลังจากขายหุ้นส่วนใหญ่ให้กับบริษัทชิโยดะ ซึ่งหาก ITD จะขายหุ้นออกมาอีกก็คงจะแจ้งทางบริษัททราบก่อน เพื่อให้สามารถใช้สิทธิเข้าไปซื้อก่อนรายอื่น ส่วนตระกูลกรรณสูตร และ จรณะจิตต์ ยังคงถือหุ้น TTCL 4.63% และเท่าที่มีการพูดคุยกันทั้ง 2 ตระกูลนี้ ไม่มีแผนจะขายออกไป ขณะเดียวกัน TTCL ก็ได้มีความร่วมมมือกับ ITD โดยล่าสุดได้เซ็น MOU ในการได้งานปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในนิคมอุตสาหกรรมทวายในประเทศพม่า