(เพิ่มเติม) TOP คาดรายได้-กำไร Q1/54 ดีกว่า Q1/53 จาก GIM สูง 8 เหรียญฯ-รายได้ LPG

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 8, 2011 17:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ไทยออลย์(TOP) คาดว่าผลประกอบการของบริษัทในช่วงไตรมาส 1/54 ทั้งในแง่ของรายได้และกำไรจะออกมาดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากค่าการกลั่นรวม(GIM)สูงถึง 8 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และมีรายได้จากธุรกิจก๊าซ LPG เพิ่มขึ้นด้วย

ทั้งนี้ ในไตรมาส 1/54 บริษัทได้เริ่มการผลิตก๊าซ LPG เพิ่มเป็น 3.3 หมื่นตัน/เดือน จากปีก่อนผลิต 1.6 หมื่นตัน/เดือน และราคาขายในสัดส่วน 76% ของกำลังการผลิต ก็ได้เพิ่มขึ้นเป็นตามราคาตลาด 780 เหรียญสหรัฐ/ตัน แต่ในส่วน 24% ยังใช้ราคาควบคุมที่ 330 เหรียญสหรัฐ/ตัน

ส่วนสเปรดพาราไซลีนสูงขึ้นมาที่ระดับ 600 เหรียญสหรัฐ/ตันในไตรมาสแรกปีนี้ จากราคาพาราไซลีนที่ปรับสูงขึ้นไปที่ 1,600 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากปีก่อนมีสเปรดอยู่ที่ 400-450 เหรียญสหรัฐ/ตัน ขณะที่ราคาเบนซีนก็ปรับขึ้นไปที่ระดับ 1,200 เหรียญสหรัฐ/ตัน ทำให้สเปรดมาอยู่ที่ 200 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากเดิมอยู่ที่ประมาณกว่า 100 เหรียญสหรัฐ/ตัน

"ทั้งปี 54 คาดว่า GIM จะไม่ต่ำกว่า 7 เหรียญฯ/บาร์เรล จากปีที่แล้วทำได้ 6 เหรียญฯ/บาร์เรล...ปีนี้น่าจะเป็นปีทองของเรา ค่าการกลั่นเราก็ดี คิดว่าไม่ต่ำกว่า 4-5 เหรียญฯ พาราไซลีนก็ดีมาก lube(น้ำมันเครื่อง)ก็ดีมาก ทั้ง 3 วงจรนี้ปรับขึ้น"นายสุรงค์ บูลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TOP กล่าว

นายสุรงค์ คาดว่า ราคาน้ำมันดิบดูไบในปีนี้จะเฉลี่ยอยู่ที่ 90-95 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากปีก่อนที่มีราคาเฉลี่ยที่ 83 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และเห็นว่าระยะนี้ราคาน้ำมันยังคงอยู่ในระดับสูง โดยปัจจุบัน ราคาน้ำมันดิบอยู่ที่ 110 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพราะเห็นว่าสถานการณ์ในตะวันออกกลางยืดเยื้อ แต่ไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรง

ดังนั้น บริษัทจีงมีนโยบายหันไปหาแหล่งน้ำมันดิบที่ไม่ใช่แหล่งตะวันออกกลาง เพื่อลดความเสี่ยงในการพึ่งพาน้ำมันดิบจากตะวันออกกลาง ซึ่งเดิมบริษัทนำเข้าน้ำมันจากประเทศแถบตะวันออกกลางเป็นหลักได้แก่ ซาอุดิอาระเบีย โอมาน และ สหรัฐอาหรับอิมิเรตส์ โดยปีที่แล้วลดสัดส่วนนำเข้าเหลือ 90% โดยในปีที่แล้วบริษัทมองหาซื้อจากแหล่งน้ำมันในรัสเซียและออสเตรเลีย แต่รัสเซียในขณะนี้มีหลายประเทศเข้ามาซื้อมากแล้ว ทำให้บริษัทหันมองหาจากแหล่งอื่น ได้แก่ อินโดนีเซีย อาร์เซอร์ไบจัน และ แองโกล่า

อย่างไรก็ตาม น้ำมันดิบจากแหล่งอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ตะวันออกกลาง ส่วนใหญ่เป็นน้ำมันดิบที่มีสารกำมะถันสูง TOP จึงได้ลงทุน 200 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับโครงการ Emission Improvement Project (EIP) ซึ่งเป็นโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันมลภาวะปลดปล่อยให้ดีขึ้น โดยจะมีการปรับปรุงเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อรองรับการผลิตน้ำมันดิบที่มีสารกำมะถันสูง ระยะเวลาโครงการ 3 ปี (54-56) คาดว่าหลังเสร็จจะสามารถนำเข้าน้ำมันดิบจากแหล่งที่ไม่ใช่กลุ่มประเทศตะวันออกกลางได้ถึง 40% โดยปีนี้คาดว่าจะนำเข้ามาได้สัดส่วน 20% จะส่งผลให้บริษัทจ่ายน้ำมันดิบได้ราคาถูกลงประมาณ 3-5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

"นโยบายไทยออยล์วันนี้หันมาหาแหล่งน้ำมันนอกเหนือจากตะวันออกลาง วันนี้เราซื้อจากออสเตรเลียเพื่อลดการนำเข้าจากซาอุฯ โอมาน ยูเออี เพื่อลดการพึ่งพาน้ำมันในประเทศตะวันออกกลาง ลดข้อจำกัดด้านเทคนิค และทำให้ค่าการกลั่นดีขึ้น" นายสุรงค์ กล่าว

แท็ก ก๊าซ lpg   (TOP)   สหรัฐ  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ