ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งเมื่อคืนนี้ (8 มี.ค.) หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนผ่อนคลายจากความวิตกกังวลในช่วงก่อนหน้านี้ที่ว่า การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากแบงก์ ออฟ อเมริกา ส่งสัญญาณว่าจะเพิ่มการจ่ายเงินปันผล
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 124.35 จุด หรือ 1.03% ปิดที่ 12,214.38 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 11.69 จุด หรือ 0.89% ปิดที่ 1,321.82 จุด และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 20.14 จุด หรือ 0.73% ปิดที่ 2,765.77 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 3 ต่อ 1
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นขานรับราคาน้ำมันดิบ NYMEX ที่ปรับตัวลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากชีค อาห์หมัด อัล-อับดุลเลาะห์ รมว.พลังงานคูเวต กล่าวว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) กำลังหารือกันเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มเพดานการผลิตเพื่อรับมือกับภาวะพลังงานขาดแคลนอันเนื่องมาจากสถานการณ์ตึงเครียดในลิเบีย
ก่อนหน้านี้หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์รายงานว่า กลุ่มโอเปคกำลังประเมินสถานการณ์ในตลาด น้ำมัน และความจำเป็นในการประชุมฉุกเฉิน ขณะที่ซาอุดิอาระเบีย คูเวต สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และไนจีเรีย กำลังวางแผนที่จะจัดหาน้ำมันเข้าสู่ตลาดอีก 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากแบงก์ ออฟ อเมริกา คาดการณ์ว่า ต้นทุนการดำเนินงานของธนาคารจะปรับตัวลดลง ซึ่งจะช่วยให้ธนาคารสามารถจ่ายเงินปันผลได้มากขึ้นในช่วงหลายปีนี้
ทั้งนี้ นายไบรอัน โมนิฮาน ซีอีโอแบงก์ ออฟ อเมริกา กล่าวในที่ประชุมผู้ถือหุ้นและนักลงทุนว่า ธนาคารวางแผนที่จะเพิ่มการจ่ายเงินปันผลในช่วงครึ่งหลังของปี 2554 นอกจากนี้ นายโมนิฮานประมาณการว่า รายได้ของธนาคารจะปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากตัวเลขการกันสำรองหนี้สูญของธนาคารเริ่มกลับเข้าสู่ระดับปกติ เพราะได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นเรื่องการฟื้นตัวของภาคธนาคารสหรัฐ
หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ปิดพุ่ง 4.7% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นสูงสุดในบรรดาหุ้นธนาคาร 30 ตัวที่คำนวณในดัชนีดาวโจนส์ ขณะที่หุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ปิดบวก 3.5% และหุ้นเจพีมอร์แกน เชส ปิดบวก 2.68%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนม.ค. วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนม.ค. และกระทรวงการคลังเปิดเผยงบประมาณของรัฐบาลกลางเดือนก.พ.
ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนก.พ. และตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนม.ค.