ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นเช้านี้ เนื่องจากราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลงและยอดสั่งซื้อเครื่องจักรของญี่ปุ่นเดือนม.ค.ที่ดีดตัวขึ้นสูงกว่าคาดการณ์
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 10,607.23 จุด บวก 82.04 จุด ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,863.93 จุด บวก 152.23 จุด ส่วนดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเพิ่มขึ้น 0.09% แตะ 3,002.55 จุด สำหรับดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นโซลเปิดวันนี้ที่ 2,007.79 บวก 11.47 จุด ขณะที่ดัชนีเวทเต็ดตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,816.76 จุด บวก 69.01 จุด ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,519.18 จุด บวก 1.52 จุด และดัชนีสเตรทส์ไทม์ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,110.54 บวก 6.70 จุด
ดัชนี MSCI Asia Pacific บวก 0.3% แตะ 138.40 จุด เมื่อเวลา 9.30 น.ตามเวลาท้องถิ่นในกรุงโตเกียว
หุ้นโตโยต้า มอเตอร์ บวก 1.2% ในตลาดหุ้นโตเกียว ขณะที่หุ้นโคเรียน แอร์ ไลน์ส และออล นิปปอน แอร์เวย์ส บวกขึ้นอย่างน้อย 1.1% ส่วนหุ้นฟานุค คอร์ป พุ่ง 1.3% และหุ้นมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ดีดตัวขึ้นและหนุนหุ้นกลุ่มแบงก์ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน
สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (8 มี.ค.) หลังจากชีค อาห์หมัด อัล-อับดุลเลาะห์ รมว.พลังงานคูเวต กล่าวว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) กำลังหารือกันเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มเพดานการผลิตเพื่อรับมือกับภาวะพลังงานขาดแคลนอันเนื่องมาจากสถานการณ์รุนแรงที่ยังคงยืดเยื้อในลิเบีย นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจากมีรายงานว่า คณะทำงานของประธานาธิบดีบารัค โอบามา กำลังพิจารณาเรื่องการะระบายน้ำมันออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์เพื่อสกัดกั้นการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 42 เซนต์ ปิดที่ 105.02 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 103.33-105.79 ดอลลาร์
ทั้งนี้ สำนักงานคณะรัฐมนตรีของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรของภาคเอกชนญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นสูงเกินคาดที่ 4.2% ในเดือนมกราคม เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้านี้ เนื่องจากการพื้นตัวของภาคการผลิต ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าบริษัทต่างๆ มีการใช้จ่ายด้านทุนเพิ่มขึ้น
โดยสำนักงานฯ ระบุว่า การขยายตัวเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน มีมูลค่าเพิ่มขึ้นแตะ 7.661 แสนล้านเยน ในขณะที่ยังคงการประเมินยอดคำสั่งซื้อเครื่องจักรไว้ในทิศทางที่สูงขึ้น ถึงแม้คำสั่งซื้อจะอ่อนแรงลงนอกหมวดอุตสาหกรรมการผลิต
ยอดสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นยังสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์เฉลี่ยที่ 2.9% ของผลการสำรวจของสำนักข่าวเกียวโดในช่วงก่อนหน้านี้ โดยยอดสั่งซื้อไม่นับรวมหมวดเรือบรรทุกสินค้าเนื่องจากมีความผันผวนสูง