ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดธุรกิจประกันชีวิตในปี 54 น่าจะรักษาอัตราการเติบโตที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี ประมาณ 14.0-15.0% เทียบกับ 14.3% ในปี 53 แม้จะต้องเผชิญหลายปัจจัยถ่วงที่สำคัญ โดยเฉพาะภาวะเงินเฟ้อและทิศทางขาขึ้นของอัตราดอกเบี้ยที่ยังมีโอกาสเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดได้ ขึ้นกับเหตุการณ์ในตะวันออกกลางและทิศทางราคาอาหารที่มีผลผูกพันมาถึงระดับเงินเฟ้อในประเทศ
ทั้งนี้ เชื่อว่าธุรกิจประกันชีวิตยังเติบโตได้ท่ามกลางแรงผลักจากหลายส่วน โดยเฉพาะการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจของทั้งบริษัทประกันและธนาคารพาณิชย์ ด้วยการชูจุดเด่นด้านสิทธิประโยชน์ทางภาษีและความคุ้มครองระยะยาว ควบคู่ไปกับการปรับรูปแบบการให้ผลตอบแทนของผลิตภัณฑ์บางประเภทที่มีนโยบายการันตีผลตอบแทนมาเป็นแบบมีส่วนร่วมในเงินปันผล และปรับกลยุทธ์ไปมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ทางเลือกอื่นๆ มากขึ้น เช่น Unit-Linked และ Universal Life
รวมถึงการขายควบ/ขายข้ามกับผลิตภัณฑ์เงินฝาก/สินเชื่ออื่นๆ ของธนาคารพาณิชย์ และการจัดรายการส่งเสริมการขาย/สิทธิพิเศษต่างๆ ที่จูงใจมากขึ้น ขณะเดียวกัน การเติบโตอย่างต่อเนื่องจากธุรกิจเก่า (วัดผ่านเบี้ยรับปีต่อไป) ก็ถือว่ามีบทบาทไม่น้อยในการประคับประคองอัตราการเติบโตของธุรกิจประกันชีวิตภาพรวมในปีนี้
อย่างไรก็ดี ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามเนื่องจากอาจมีผลกระทบต่อทิศทางธุรกิจในระยะที่เหลือของปีนี้ ได้แก่ เหตุรุนแรงในตะวันออกกลางที่อาจมีผลต่อราคาน้ำมัน เงินเฟ้อ และกดการเติบโตของเศรษฐกิจไทยให้ต่ำกว่าคาดได้ รวมถึงสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ
นอกจากนี้ ก็ยังมีการทยอยบังคับใช้หลายกฎเกณฑ์ที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นประกาศการคำนวณเงินสำรองประกันภัยฉบับใหม่ การกำกับเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยง (Risk-based Capital : RBC) รวมถึงการเตรียมแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อต้นทุนและการบริหารจัดการของบริษัทประกัน แต่ก็มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมให้การดำเนินธุรกิจมีเสถียรภาพ และความโปร่งใสมากขึ้น อันจะเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและส่งเสริมระบบการออมในระยะยาว