บมจ.ธีระมงคลอุตสาหกรรม(TMI) ระบุว่าบริษัทเตรียมปรับขึ้นราคาขายสินค้าราว 2-5% ในช่วงไตรมาส 2/54 เนื่องจากต้นทุนเหล็กและทองแดงปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งน่าจะทำให้ทั้งปี 54 กำไรจะมีอัตราเติบโตมากกว่ารายได้ที่คาดว่าจะเติบโตราว 20% ซึ่งเป็นการเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน โดยในช่วงไตรมาส 1/54 บริษัทมีรายได้และกำไรสูงกว่าไตรมาส 1/53 และ ไตรมาส 4/53
ทั้งนี้ บริษัทได้เตรียมงบลงทุนในปีนี้ไว้ประมาณ 80-100 ล้านบาท เพื่อผลิตสินค้าเพิ่มเติมใน 2 หมวด
นายธีระชัย ประสิทธิ์รัตนพร กรรมการผู้จัดการ TMI คาดว่ากำไรสุทธิปีนี้จะมีอัตราการเติบโตมากกว่าการเติบโตของรายได้ที่ 20% จากปี 53 เนื่องจากปริมาณการขายเพิ่มขึ้น และการได้รับสิทธิประโยชน์จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)เต็มปี รวมถึงการปรับราคาสินค้าตามต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะเหล็กและทองแดงที่มีแนวโน้มปรับขึ้นอีก ซึ่งบริษัทน่าจะปรับราคาขายอีกราว 2-5% ในไตรมาส 2/54 จากในช่วงปลายปี 53 ปรับไปแล้ว 5% การปรับราคาขายดังกล่าวจะส่งผลต่ออัตรากำไรสุทธิ(Net Profit Margin)เพิ่มอีก 1-2% จากปีก่อนที่อยู่ที่ 7%
"บริษัทได้มีการปรับวิธีในการลดต้นทุนจากการที่ทองแดงและเหล็กปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะราคาทองแดงปรับขึ้นค่อนข้างมากในปี 53 จาก 6 พันบาท/ตันในช่วงต้นปี มาที่ 9 พันบาท/ตันในช่วงปลายปี และต้นปี 54 เพิ่มขึ้นมาเป็น 1 หมื่นบาท เราก็ได้นำอลูมิเนียมมาทดแทนทองแดงในการผลิตบัลลาสต์ เลยทำให้ GP ไม่ตก แต่ถ้าราคาปรับเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องปรับราคา แต่ผมก็มองว่าเปอร์เซ็นต์ความผันผวนในปี 54 คงจะน้อยกว่าปีก่อน" นายธีระชัย กล่าว
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/54 นายธีระชัย กล่าวว่า กำไรจะดีกว่าไตรมาส 1/53 และไตรมาส 4 /53 เนื่องจากสัญญาณคำสั่งซื้อสินค้าที่ทยอยเข้ามา ทั้งฐานลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์หลอดไฟฟ้า รวมถึงการปรับราคาขาย
ขณะเดียวกันในปีนี้ บริษัทจะมุ่งขยายตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในแถบอาเซียนและการนำสินค้าประภทหลอดไฟส่งออก โดยปีนี้เป็นปีแรกที่บริษัทส่งออกหลอดไฟ จากปกติส่งออกแต่บัลลาสต์ โดยบริษัทจะพยายามรักษาสัดส่วนในประเทศ 90% และสัดส่วนต่างประเทศ 10% เพื่อเป็นการรองรับปัจจัยเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
อีกทั้ง บริษัทมีการเข้าประมูลงานจากภาครัฐเพิ่ม 20-30 ล้านบาท หวังว่าจะได้ 10 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลต่อรายได้ที่เติบโตขึ้นด้วย
ส่วนในอีก 3 ปีข้างหน้า บริษัทจะพยายามเพิ่มสัดส่วนสินค้ากลุ่มหลอดไฟเป็น 30% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนน้อยมาก, เพิ่มสัดส่วนโคมไฟเป็น 30% จาก 27% ขณะที่บัลลาสต์จะมีสัดส่วนลดลงมาเป็น 30% จากเดิมมีสัดส่วน 59%
นายธีระชัย กล่าวต่อว่า จากการขยายตัวของสินค้าที่มากขึ้น ทำให้บริษัทมีแนวคิดที่ตอบสนองความต้องการลุกค้า โดยการเพิ่มการผลิตสินค้าทางด้านส่องสว่างอีก 2 หมวด ซึ่งจะเป็นสินค้าที่สร้างมาร์จิ้นเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัย ปัจจุบันหลอดไฟมีมาร์จิ้น 10-15% คาดว่าจะใช้งบประมาณ 80-100 ล้านบาท คาดเริ่มผลิตขายได้ในปีหน้า