ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวสูงขึ้นเมื่อคืนนี้ (11 มี.ค.) หลังจากที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงสู่ระดับ 101 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากมีแนวโน้มว่าอุปสงค์น้ำมันจากญี่ปุ่นจะลดลงหลังเกิดแผ่นดินไหว ขณะที่หุ้นกลุ่มบริษัทโครงสร้างพื้นฐานและบริษัทวัสดุก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นฟูประเทศญี่ปุ่นจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์บวก 59.79 จุด หรือ 0.5% ปิดที่ 12,044.40 จุด ดัชนี S&P 500 ขยับขึ้น 9.17 จุด หรือ 0.7% ปิดที่ 1,304.28 จุด และดัชนี Nasdaq ปรับตัวสูงขึ้น 14.59 จุด หรือ 0.5% ปิดที่ 2,715.61 จุด
เมื่อวานนี้ญี่ปุ่นต้องเผชิญกับแผ่นดินไหวความรุนแรง 8.8 ริกเตอร์ ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างหนัก และเนื่องจากญี่ปุ่นเป็นผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก นักลงทุนจึงวิตกว่าอุปสงค์น้ำมันจากญี่ปุ่นจะร่วงลง
นอกเหนือจากแผ่นดินไหวแล้ว อีกปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันร่วงลงคือ การชุมนุมประท้วงในซาอุดิอาระเบียที่มีผู้เข้าร่วมเพียงไม่กี่ร้อยคน ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเรื่องสถานการณ์ความไม่สงบในซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันอันดับ 1 ของโลก
ตลาดหุ้นนิวยอร์กไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากเหตุแผ่นดินไหวในญี่ปุ่น เนื่องจากนักลงทุนเชื่อว่าแผ่นดินไหวดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบมากมายต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ในทางตรงกันข้าม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังจะเป็นประโยชน์กับหลายบริษัทเมื่อญี่ปุ่นเริ่มฟื้นฟูประเทศจากความเสียหายที่เกิดจากแผ่นดินไหว
อีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กคือ การที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกสหรัฐขยายตัว 1% ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 4 เดือน แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยังไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากราคาอาหารและพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น